แผ่นดินไหวจีน 5.6 ริกเตอร์ คาดมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 80 คน

ต่างประเทศ
8 ก.ย. 55
08:33
36
Logo Thai PBS
แผ่นดินไหวจีน 5.6 ริกเตอร์ คาดมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 80 คน

ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 2 ครั้งทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีนเมื่อวานนี้ (7 ก.ย.) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเพิ่มเป็น 80 คนและ มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 700 คน คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก

เมื่อวานนี้ (7 ก.ย.) เกิดแผ่นดินไหวสองครั้ง ความรุนแรง 5.6 ริคเตอร์เท่ากัน จุดที่เกิดแผ่นดินไหวเป็นพื้นที่ชนบทแถบเทือกเขาระหว่างมณฑลยูนนานกับมณฑลกุ้ยโจวทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน แรงสั่นสะเทือนส่งผลให้บ้านเรือนพังถล่มกว่า 2 หมื่นหลัง ผู้คนต่างแตกตื่นวิ่งหนีออกจากอาคารบ้านเรือนมาอยู่กันบนถนน ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดของซุปเปอร์มาเก็ตแห่งหนึ่งในเมืองยี่เหลียง มณฑลยูนนาน แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของแผ่นดินไหวขนาด 5.6 ริคเตอร์ ซึ่งเมืองยี่เหลียงถือเป็นจุดที่ได้รับความเสียหายรุนแรงที่สุด

ล่าสุดยอดเสียชีวิตเพิ่มเป็น 80 คน และได้รับบาดเจ็บ 731 คน แผ่นดินไหวยังทำให้กระแสไฟฟ้าดับ และดินถล่มในหลายจุด คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากยังมีหมู่บ้านอีก 2-3 แห่งที่หน่วยกู้ภัยยังเข้าไปไม่ถึง เพราะเส้นทางถูกตัดขาด ขณะที่มีความวิตกกันว่าจะเกิดโรคระบาดตามมา เนื่องจากมีปศุสัตว์ล้มตายเป็นจำนวนมาก ทางการจีนได้เร่งจัดส่งสิ่งบรรเทาทุกข์เข้าไปในพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหว ไม่ว่าจะเป็น เต็นท์, เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้จีนเผชิญกับแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงล่าสุดเมื่อปี 2551 ที่มณฑลเสฉวนซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 90,000 คน เชื่อกันว่าสาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากเนื่องจากโครงสร้างอาคารไม่แข็งแรง รวมถึงโรงเรียนหลายแห่งที่พังถล่มลงมาทั้งหลัง

ส่วนที่คอสตาริก้า ซึ่งเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.6 ริคเตอร์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แม้แรงสั่นสะเทือนจะรุนแรงกว่าประเทศจีน แต่ความเสียหายเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยมีผู้เสียชีวิตเพียง 1 คนเนื่องจากอาการหัวใจวาย อาคารบ้านเรือนเพียงไม่กี่หลังที่ได้รับความเสียหาย สาเหตุมาจากรัฐบาลคอสตาริก้าให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกันภัยจากแผ่นดินไหว ซึ่งได้รับการปรับปรุงมาโดยตลอด นับตั้งแต่คอสตาริก้าเผชิญกับแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงเมื่อปี 2517 ปัจจุบันมาตรการป้องกันภัยจากแผ่นดินไหวของคอสตาริก้าสูงกว่ามาตราฐานสากลถึง 3 เท่า


ข่าวที่เกี่ยวข้อง