ผอ.กต.จว.เร่ง กกต.กลางส่งงบเลือกตั้ง

การเมือง
13 มิ.ย. 54
11:51
9
Logo Thai PBS
ผอ.กต.จว.เร่ง กกต.กลางส่งงบเลือกตั้ง

การประชุมผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด (ผอ.กต.จว.) ทุกจังหวัดและ กทม. เพื่อหารือรับฟังปัญหาเกี่ยวกับการเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่ พบว่าหลายพื้นที่ยังไม่ได้รับเงินสนับสนุนการจัดการเลือกตั้งครบ ขณะที่ใน จ.ปัตตานี ยังต้องการเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยเพิ่ม

เวลา 9.30 น.ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดการประชุมผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด (ผอ.กต.จว.) ทุกจังหวัดและกทม. เพื่อหารือรับฟังปัญหาเกี่ยวกับการเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่ โดยนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต. ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวว่าขอให้ ผอ.กต.จว.มีความเป็นกลาง รู้จักรักษาความลับ และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว เร่งรัดและรอบคอบ เพราะการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.นี้ต้องยึดมั่นในหลักการเหล่านี้จะวอกแวกและหวั่นไหวไม่ได้ เพราะหากกรรมการทำผิดโทษก็จะหนักกว่าคนอื่น เนื่องจากบอกคนอื่นทำตามกฎหมาย ตนเองก็ต้องทำตามกฎหมายด้วย ถ้าผิดแล้วก็จะแก้ยาก อีกทั้งข่าวลือในขณะนี้ก็มีมาก หากกรรมการมั่นคงในความคิดและการกระทำก็ไม่ต้องหวั่นไหว อีกทั้ง ผอ.กต.จว.ยังเป็นหัวหน้าหน่วยงานต้องมีความแม่นยำในกฎหมาย ระเบียบ และประกาศที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง อย่าใช้ดุลยพินิจของตนเองไปก่อนบทบัญญัติของกฎหมาย

นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ ได้สอบถามปัญหากับ ผอ.กต.จังหวัด โดยได้สอบถาม ผอ.กต.จ.อุบลราชธานี ถึงการตั้งหน่วยเลือกตั้งกลางที่มีระยะห่างกันเพียง 50 เมตร เพราะถูกวิจารณ์ว่าใกล้กันเกินหรือไม่ ซึ่งทาง ผอ.กต.จว.อุบลฯได้ชี้แจงว่า ในเขตเลือกตั้งที่ 1 ห่างกัน 50 เมตรจริง แต่ทั้งนี้ก็จะมีการกั้นแผงและติดป้ายประชาสัมพันธ์รอบบริเวณ เนื่องจากสถานที่คับแคบ
ส่วนของ จ.บุรีรัมย์ ที่ถูกมองว่าเป็น 1ใน 10 จังหวัดที่ถูกจับตามเรื่องความรุนแรงนั้น ผอ.กต.จว.บุรีรัมย์ ชี้แจงว่าบุคลากรมีความพร้อมในเรื่องการเตรียมการเลือกตั้งหมดแล้ว กรรมการประจำหน่วยก็ไม่มีปัญหา ส่วนการป้องปรามเรื่องเหตุรุนแรง ได้มีชุดหาข่าว ชุดป้องปรามฯ ชุดสืบสวนสอบสวนเคลื่อนที่เร็วปฏิบัติหน้าที่ดูแล พร้อมทั้งมีการประชุมและลงพื้นที่เป็นระยะ สำหรับเรื่องร้องเรียนคัดค้านการเลือกตั้งนั้น มีเพียงเรื่องการเข้าใจผิดและการใส่ร้ายที่คาดว่าจะส่งสำนวนให้ กกต.กลางได้ภายในสัปดาห์นี้ ในส่วนเรื่องความรุนแรงนั้นขณะนี้ยังไม่มี มีเพียงแต่การทำลายป้ายหาเสียงในช่วงแรกเท่านั้น แต่ก็ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ เพราะเป็นห่วงว่าจะมีการแข่งขันรุนแรง เนื่องจากเป็นการแข่งขันของสองพรรค ที่อดีตเคยเป็นพรรคเดียวกัน และการหาเสียงของพรรคการเมืองส่วนใหญ่เป็นการตั้งเวทีปราศรัย

สำหรับ จ.นครราชสีมา ผอ.กต.รายงานว่าการหาเสียงและภาพรวมเป็นไปตามปกติ ส่วนเรื่องข่าวเงินสะพัดหมื่นล้านนั้น โดยมีการโอนเข้าบัญชีประชาชน 300-500 บาทนั้น  ยังไม่ได้รับรายงานจากทางธนาคาร และจากการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่พบ สำหรับข่าวผู้สมัครไปเรียกเก็บบัตรประชาชนและสัญญาว่าหากได้เป็น ส.ส.จะให้เงินนั้น ทางจังหวัดกำลังดำเนินการสืบสวนสอบสวนอยู่ นอกจากนี้เรื่องร้องเรียนนายอำเภอชุมพวงที่ไม่มีความเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่นั้น ได้มีการดำเนินการสืบสวนสอบสวนแล้วพบว่า ไม่มีพยานยืนยันตามที่ผู้ร้องเรียนกล่าวอ้าง เป็นการไปประชุมเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งตามปกติเท่านั้น

ด้าน ผอ.กต.จว.เชียงใหม่ ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าทางจังหวัดมีความเป็นห่วงในพื้นที่เขตเลือกตั้ง 5 ประกอบด้วย อ.ฝาง อ.แม่อาย และเขต 10 ประกอบด้วย อ.ฮอด และ อ.อมก๋อย ซึ่งไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคการเมืองใหญ่อาจจะมีการแข่งขันต่อสู้กันมาก ทาง กกต.เชียงใหม่จะต้องดูแลเรื่องการสืบสวนสอบสวนและการป้องปรามหาข่าวเป็นพิเศษ ไม่เหมือนพื้นที่อื่นที่เป็นพื้นที่เสื้อแดงอยู่แล้ว ทั้งนี้ประชาชนในพื้นที่ยังสับสนหมายเลขผู้สมัครทั้งสองแบบ ที่บางพรรคการเมืองไม่ได้ส่งผู้สมัครครบทั้งสองแบบ เพราะเกรงจะทำให้เกิดจำนวนบัตรเสียเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งกระแสเรื่องการแสดงออกเชิงสัญญาลักษณ์ที่มีธงแดงติดอยู่ตามบ้าน ถนน เสาไฟฟ้า และยานพาหนะ ในส่วนของกฎหมายเลือกตั้งหากไม่มีหมายเลขติดอยู่ก็ไม่เข้าข่ายการหาเสียง แต่อาจผิดเรื่อง พ.ร.บ.ความสะอาดฯ

ซึ่งนายบุญเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการ กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ได้ชี้แจงเพิ่มเติมกับ ผอ.กต.จว.เชียงใหม่ว่า กรณีธงแดงหากติดใกล้กับหน่วยเลือกตั้งเป็นอำนาจหน้าที่ของกรรมการประจำหน่วยที่จะใช้ดุลยพินิจพิจารณาว่า ธงดังกล่าวบ่งบอกถึงการหาเสียงหรือไม่ หากเป็นคุณเป็นโทษแก่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แม้จะไม่ใช่ป้ายหาเสียง ก็ให้เป็นดุลยพินิจของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งนำเอาออก

ผอ.กต.จว.ปัตตานี ได้รายงานว่าในพื้นที่ไม่มีการตั้งเวทีปราศรัยหาเสียง แต่มีการทำลายป้ายหาเสียง และยิงเอ็ม 79   ซึ่งก็ได้มีการประชุมกับหน่วยงานความมั่นคงเพื่อขอกำลังมาดูแลความปลอดภัย  แต่ทั้งนี้ยังไม่ได้รับงบประมาณจาก กกต. รวมทั้งแจ้งว่ายังไม่ได้รับหีบบัตรคูหา ซึ่งความจริงแล้วจะต้องได้รับภายในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ โดยขอให้ กกต.กลางช่วยเร่งรัดดำเนินการให้

ขณะที่นางสดศรี ขอร้องผู้ก่อการร้ายว่าอย่าก่อเหตุในช่วงเลือกตั้ง เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะพื้นที่ทางภาคใต้ ขออย่างให้มีปัญหาเกี่ยวกับความร้ายแรง ทำลายทรัพย์สิน และทำร้ายร่างกายผู้มาใช้สิทธิ์และเจ้าหน้าที่ที่จัดการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามจะเร่งดำเนินการส่งงบประมาณไปให้ทุกพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากต้องใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ทหารดูแลเป็นพิเศษ

ด้าน ผอ.กต.จว.สตูล ได้หารือถึงการที่ทหารจะขนกำลังพลไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งทำได้หรือไม่ ซึ่งนายบุญเกียรติ ได้ชี้แจงว่า การจัดยานพาหนะของหน่วยงานราชการสามารถดำเนินการได้ แต่จะต้องแจ้งให้ กกต.จว.ทราบก่อน

ส่วน ผอ.กต.จว.กทม. ได้แจ้งว่าใน 6,506 หน่วยเลือกตั้งของ 33 เขต พบปัญหามากที่สุดคือเรื่องกรรมการประจำหน่วย ที่ กกต.กทม.ได้รับแจ้งว่าขาดกรรมการประจำหน่วย 20 เขต และมี 3 เขต ขาดกรรมการประจำหน่วย 500-1,000 คน และยังมีอีก 5 เขตที่ยังขาดกรรมการประจำหน่วยตั้งแต่ 400 คนขึ้นไป ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนางสดศรี กล่าวว่าอาจจะระดมเจ้าหน้าที่ของ กกต.กลางที่มีอยู่ประมาณ 800 คน ไปช่วยในจุดที่ กกต. กทม.ขาดแคลน แต่หากไม่พอจริงๆ กกต.ทั้ง 5 คนก็จะลงไปช่วยด้วยตัวเอง ทั้งนี้นางสดศรีได้กำชับให้ กกต.กทม.เตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ในวันเลือกตั้งล่วงหน้า พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าทำไมการเลือกตั้งเมื่อปี 50 ไม่มีปัญหาเรื่องกรรมการประจำหน่วย
จากนั้นนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านกิจการบริหารการเลือกตั้ง กล่าวว่าเพื่อให้การเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค.เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลางอยู่ภายใต้กฎหมายและระเบียบ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้มีการแข่งขันเข้มข้น และรุนแรงกว่าการเลือกตั้ง ส.ส.ทุกครั้งทีผ่านมา ดังนั้นกรรมการเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดต้องยึดตามกฎหมายเพื่อไม่ให้ถูกร้องล้มการเลือกตั้ง

ทั้งนี้นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้มีร้องเรียนคัดค้านการเลือกตั้งเข้ามาทั้งหมด 26 เรื่อง และการแจ้งเบาะแส 140 เรื่อง ซึ่งอยู่ระหว่างเร่งการดำเนินการสืบสวนสอบสวน ส่วนเรื่องที่พรรคการเมืองขนาดเล็กไม่พอใจสื่อมวลชนที่ให้ความสำคัญกับพรรคการเมืองขนาดใหญ่นั้น ตามระเบียบของ กกต.ก็กำหนดไว้ชัดเจน ว่าให้อยู่ในดุลยพินิจของแต่ละสถานีจะพิจารณาว่าการนำเสนอผู้สมัครและพรรคการเมืองใด แต่ก็ให้คำนึงถึงหลักความเท่าเทียมและจรรยาบรรณ ทั้งนี้ก็ขอให้สื่อฯ ดูให้ดี หากเห็นว่าพรรคขนาดเล็กพรรคใดมีนโยบายที่ดีก็อยากให้เปิดโอกาสให้ด้วย แต่เท่าที่ดูโดยภาพรวม ก็เห็นสื่อมวลชนเองก็พยายามนำผู้สมัครของแต่ละพรรคมานำเสนอแบบคละกันไป

อย่างไรก็ตามขอเรียกร้องให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งให้มากๆ เพื่อแสดงให้นักการเมืองเห็นว่าคนทั้งประเทศคิดอย่างไร แต่ขอให้ใช้สติคิดให้รอบคอบว่าเลือกใครแล้วประเทศจะเป็นอย่างไร


ข่าวที่เกี่ยวข้อง