โพสต์ที่นำมาสู่กระแสวิพากษ์วิจารณ์นี้ คือโพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ของสายการบิน Bangkok Airways ที่ระบุใจความว่า เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการบินพลเรือนสากล เรื่องการใช้ข้อมูลเกณฑ์น้ำหนักเฉลี่ยมาตรฐานสำหรับคำนวณน้ำหนักผู้โดยสารและสัมภาระถือขึ้นเครื่อง
เพื่อให้ปริมาณน้ำหนักของเที่ยวบินอยู่ภายใต้ขอบเขตการกำหนดน้ำหนักอากาศยานสำหรับการวิ่งขึ้นสูงสุด และทำการบินได้ด้วยความปลอดภัย
ทางบริษัทจะทำการเก็บข้อมูลโดยการชั่งน้ำหนักผู้โดยสารรวมสัมภาระถือขึ้นเครื่อง ณ บริเวณประตูทางออกขึ้นเครื่อง จึงขอความร่วมมือจากท่านผู้โดยสารทำการชั่งน้ำหนักดังกล่าว
พร้อมยืนยันว่าข้อมูลจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ ซึ่งแม้ว่าจะระบุชัดเจนว่า มาตรการนี้จะเกิดขึ้นแค่ในช่วงวันที่ 15 ก.ย.-31 ต.ค.นี้เท่านั้น แต่ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อย บางส่วน เข้าใจสายการบิน และเชื่อว่าทางสายการบินมีการประชุมและคิดทบทวนอย่างที่ดีสุดแล้ว แต่บางส่วนก็ไม่เข้าใจสายการบินและเข้าใจว่าจะมีการเก็บเงินผู้โดยสารเพิ่มเติมในอนาคต
ประกาศจากสายการบิน Bangkok Airways
บางกอกแอร์เวยส์เป็นเพียงหนึ่งในสายการบินหลายแห่งทั่วโลก ที่เคยมีประกาศในลักษณะนี้ ย้อนไปก่อนหน้านี้ช่วงปลายเดือน ส.ค. ก็เคยเป็นกระแสวิจารณ์หลังสายการบิน Korean Air ของเกาหลีใต้ จะชั่งน้ำหนักผู้โดยสารและสัมภาระในบางเที่ยวบินจากสนามบินกิมโพและสนามบินอินชอน แต่ก็ไม่ได้บังคับ หากผู้โดยสารไม่ประสงค์จะชั่งก็สามารถบอกเจ้าหน้าที่ได้
สายการบิน Korean Air ขณะกำลังลำเลียงกระเป๋าเข้าห้องบรรทุกสัมภาระ
ส่วนในเดือน มิ.ย. สายการบิน Air New Zealand ก็ได้ชั่งน้ำหนักผู้โดยสารไปแล้วกว่า 10,000 คน ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ นอกจากนี้ก็ยังมีสายการบิน Finnair ของฟินแลนด์ และ Hawaiian Airlines ที่เคยใช้มาตรการนี้เช่นกัน
สายการบิน Air New Zealand เคยออกมาตรการชั่งน้ำหนักผู้โดยสารมาก่อนแล้ว
การขอให้ผู้โดยสารชั่งน้ำหนัก เพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลกำหนดเกณฑ์น้ำหนักเฉลี่ยมาตรฐานอาจมีความจำเป็น ก่อนหน้านี้บริษัทด้านความปลอดภัยการบินเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อในสหรัฐ ระบุว่า น้ำหนักเฉลี่ยที่แน่นอนของผู้โดยสาร จะช่วยสายการบินคำนวนได้แม่นยำ ทั้งระยะทางการวิ่งขึ้น การบินให้พ้นสิ่งกีดขวางใกล้สนามบิน มลภาวะทางเสียง ความสูงที่เครื่องสามารถไต่ขึ้นไปได้ หรือแม้แต่ระยะทางตอนลงจอด
ยิ่งเครื่องบินลำใหญ่ๆ เช่นความจุ 300 ที่นั่ง หากน้ำหนักเฉลี่ยคลาดเคลื่อนไป 1 กิโลกรัม ก็จะเท่ากับ 300 กิโลกรัมที่มากกว่า หรือน้อยกว่า ที่ส่งผลต่อต่อการบิน แล้วทำไมต้องชั่ง-คำนวณเกณฑ์กันใหม่อยู่ต่อเนื่อง เรื่องนี้ก็มีเหตุผลว่า น้ำหนักผู้โดยสารโดยเฉลี่ย รวมถึงสิ่งของที่ถือขึ้นเครื่อง จะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศและเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา จากการสำรวจในปี 2560 น้ำหนักเฉลี่ยที่กำหนดสำหรับผู้ใหญ่ชายในช่วงฤดูร้อนอยู่ที่ 81 กิโลกรัม ส่วนผู้หญิงกำหนดไว้ที่ 69 กิโลกรัม
ต่อมาสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ ต้องปรับเกณฑ์ใหม่ โดยให้ผู้ใหญ่ที่เป็นเพศชาย น้ำหนักเฉลี่ย 88.4 กิโลกรัม ส่วนผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ คือ 70.3 กิโลกรัม ซึ่งจะเห็นว่าตัวเลขเพิ่มขึ้น
สอดคล้องกับข้อมูลงานวิจัยของมหาวิทยาลัย RMIT ในออสเตรเลีย ที่พบว่าเครื่องบินทุกประเภทในการศึกษานี้ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากน้ำหนักของมนุษย์ที่เปลี่ยนไป ยิ่งหากการคาดการณ์ภาวะอ้วนของผู้คนในทศวรรษหน้า ที่ระบุว่าจะมีคนน้ำหนักเกินมากขึ้น ยิ่งต้องหาวิธีกำหนดเกณฑ์น้ำหนักที่แม่นยำมากขึ้น