ชี้ปรับปรุงถนน "พะเนินทุ่ง" ไม่ต้องทำอีไอเอ

เครือข่ายคนแก่งกระจาน ยื่นหนังสือผู้ว่าฯเพชรบุรี ขอทบทวนโครงการปรับปรุงถนนขึ้นพะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ด้านหน.แก่งกระจาน ยืนยันไม่เข้าข่ายต้องทำรายงานอีไอเอ เหตุไม่ได้ขยายถนนเพิ่ม แต่ปรับปรุงผิวจราจรเป็นคอนกรีต ลั่นไม่เคยเจอสัตว์ป่าถูกรถชนตาย

วันนี้ (22 ต.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายชาวเพชรบุรี และผู้รักป่าแก่งกระจาน ได้นัดรวมตัวยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ขอให้ชะลอโครงการสร้างถนนคอนกรีตสู่เขาพะเนินทุ่ง เขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เพื่อให้มีศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม และรับฟังความเห็นของประชาชนก่อน

ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์ นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ อาจารย์แพทย์โรคหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นักเคลื่อนไหวด้านการอนุรักษ์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยการปรับปรุงเส้นทางขึ้นเขาพะเนินทุ่งให้เป็นทางคอนกรีตตลอดทั้งสาย

ก่อนหน้านี้เคยขับรถขึ้นพะเนินทุ่ง ระยะทางจากบ้านกร่าง 20 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง และพบสัตว์ป่าที่สำคัญหลายชนิด เช่น เสือดำ เสือดาว เก้ง ค่างแว่น สะท้อนว่าพื้นที่ดังกล่าวมีสัตว์ป่าจำนวนมาก

ช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา นักท่องเที่่ยวและผู้ที่ต้องการศึกษาธรรมชาติ ให้ความสนใจขึ้นมาชมธรรมชาติ และชมวิวทะเลหมอกที่พะเนินทุ่ง แต่การสัญจรที่ยากลำบาก สภาพไหล่ทางชำรุดและทางแคบจนรถไม่สามารถสวนกันได้ ช่วยจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวได้ในระดับหนึ่ง เพราะต้องใช้ความระมัดระวังในการสัญจร ต้องใช้รถโฟวิล หรือรถกระบะเท่านั้น

ภาพ :เฟซบุ๊ก Mana Phermpool

นายมานะ เพิ่มพูล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี กล่าวว่า การปรับปรุงถนนเขาพะ เนินทุ่ง บริเวณกม.ที่ 15+00 ถึง กม.ที่ 36+500 ซึ่งตามกำหนดจะเริ่มวันที่ 1 พ.ย.นี้ เป็นเวลา 560 วัน ขณะนี้มีการประมูลงานไปแล้ววงเงินงบ 86 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างการสำรวจถนนที่จะปรับปรุง ยืนยันว่าไม่มีการขยายถนน หรือตัดถนนผ่าป่าตามที่หลายฝ่ายแสดงความกังวล แต่เป็นเพียงปรับปรุงผิวการจราจรทำด้วยคอนกรีตขนาด 4 เมตรบนถนนสายเดิมที่ใช้งานมากว่า 30 ปี

ยืนยันว่าโครงการนี้เป็นแค่ปรับปรุงผิวจราจรเพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยว และขั้นตอนต่างๆมีการขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานฯ จังหวัดและกรมอุทยานฯตามระเบียบข้อกฎหมายที่ให้ยึดตามอำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 19 แห่งพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 และเป็นการดำเนินการมาก่อนมติคณะรัฐมนตรี ปี2550 ซึ่งไม่ต้องทำรายงานการวิะเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ

ภาพ :เฟซบุ๊ก Mana Phermpool

เมื่อถามว่ากระแสในโซเชียลอยากให้ทบทวนโครงการ เป็นไปได้หรือไม่ รวมทั้งได้พูดคุยกับชาวบ้านอย่างไรบ้าง

เท่าที่ทราบมีการยื่นเรื่องให้ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไว้ และยังต้องรอว่าศาลจะวินิจฉัยหรือไม่อย่างไร ถ้าหากมีคำสั่งออกมา เช่น ยังมีอะไรที่ไม่ครบถ้วน เช่นต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทางแก่งกระจานก็พร้อมดำเนินการ

กำกับความเร็วห้ามเกิน 50 กม.ต่อชั่วโมง

นายมานะ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่กังวลว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวขับรถเร็ว และชนสัตว์ป่าตายนั้น ขอชี้แจงว่า ตั้งแต่มารับตำแหน่งในเดือนมิ.ย.2559 ยังไม่มีรายงานสัตว์ป่าตายการถูกรถชนตายบนถนนสายนี้

มีเพียงช่วงต้นปี 2559 เป็นชะมด 1 ตัว ส่วนภาพที่นำมาเผยแพร่ในโซเชียล เป็นสัตว์จากที่อื่นๆเช่นเขาใหญ่ ขณะที่ยังมีการเก็บสถิติสัตว์ป่าที่พบออกมาใช้ชีวิตบนถนน เช่น ช้าง กระทิง กวาง หมาไน ลิงลมที่ออกมาในช่วงเวลากลางคืน ที่ไม่ได้อนุญาตให้รถสัญจรไปมาหลังเวลา 18.00 น.

ทั้งนี้ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้นำป้ายควบคุมความเร็วรถยนต์ และป้ายเตือนสัตว์ป่าข้ามถนน เพื่อให้ชะลอความเร็วไปติดตั้งตามจุดต่างๆเพื่อเตรียมการเตรียมการเปิดท่องเที่ยว ตั้งแต่1 พ.ย.นี้ โดยทำป้ายติดตั้งบนถนนขึ้นพะเนินทุ่ง 26 จุดและเนินสะดุด 20 จุด เน้นจุดที่พบสัตว์ป่าเดินข้ามถนน โดยจะควบคุมความเร็วรถยนต์ที่เข้ามาในเขตอุทยานแห่งชาติ ตั้งแต่บริเวณด่านสามยอด ถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน หรือบ้านกร่าง

ความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทุกจุดที่พบเห็นสัตว์ป่าบริเวณข้างถนนหรือบันทึกภาพได้เป็นประจำจะมีป้ายสัญลักษณ์แจ้งเตือนให้ระมัดระวัง พร้อมทั้งยังจัดสายตรวจตรวจจับความเร็วบนถนน เพื่อไม่ให้ขับรถเร็ว

ภาพ :เฟซบุ๊ก Mana Phermpool

จัดระเบียบรถท้องถิ่นคุมไม่เกิน 250 คันต่อวัน

นายมานะ กล่าวว่า มาตรการที่กำลังดำเนินการนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหารถนักท่องเที่ยวขับเร็ว ถ้ามีการปรับเป็นผิวจราจรคอนกรีต ที่ผ่านมายอมรับว่าเคยมีอุบัติเหตุเฉลี่ยปีละ 10 ครั้งที่เกิดอุบัติเหตุจากรถยนต์ของนักท่องเที่ยว แต่ไม่ได้รุนแรง

สำหรับสถิตินักท่องเที่ยวที่เข้าไปอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานปี 2560 จำนวน 160,000 คน มีประมาณรถที่เข้าไปจำนวน 20,000 คันต่อปี เฉลี่ยวันละ 350 คันต่อวัน โดยสิ่งที่กำลังจัดระเบียบเพิ่มเติมคือกำหนดให้รถของชาวบ้านที่พานักท่องเที่ยวแบบไป-กลับ ขึ้นไป 250 คันและรถจากบริษัททัวร์ จะต้องไปขึ้นทะเบียนกับอุทยานฯ ด้วย