คำต่อคำ "สุพล-ยุทธพงศ์" ปมผ่านงบเรือดำน้ำ

"สุพล ฟองงาม" ย้ำในบทบาทว่าได้ทำหน้าที่สิ้นสุดลงแล้ว หลังที่ประชุมประธานอนุกรรมาธิการฯงบประมาณปี 2564 ลงมติเห็นชอบผ่านงบ 22,500 ล้านบาทจัดซื้อเรือดำน้ำ ปัดตอบปม บิ๊กป.ปลา ล็อบบี้ รอให้ที่ประชุมงบฯชุดใหญ่ชี้ขาด 26 ส.ค.นี้

กรณีปัญหาการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ วงเงิน 22,500 ล้านบาทซึ่งถูกวิจารณถึงการตอบโจทย์ใช้งานและสถานการณ์เศรษฐกิจ ซึ่งแม้ว่ากองทัพเรือจะตั้งโต๊ะแถลงข่าวเคีลยร์ทุกปมโดยเฉพาะสัญญา และการตั้งเงินงบประมาณที่เป็นงบผูกพันของโครงการเก่า

เมื่อวานนี้ (24 ส.ค.2563) นายสุพล ฟองงาม ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการฯ งบประมาณปี 2564 กล่าวย้ำในบทบาทว่าได้ทำหน้าที่สิ้นสุดลงแล้ว หลังที่ประชุมลงมติเห็นชอบผ่านงบประมาณ จัดซื้อเรือดำน้ำ ดังนั้นนับจากนี้หากจะมีการเปลี่ยนแปลงงบประมาณของกองทัพเรืออีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2564 หรือกรรมาธิการฯชุดใหญ่ที่จะชี้ขาดในวันที่ 26 ส.ค.นี้ ก่อนเสนอสภาฯ ลงมติเห็นชอบวาระ 2 และ 3

ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีใหัสัมภาษณ์เรื่องนี้สั้นๆ ว่าเรื่องนี้จะมีล็อบบี้ใครไปล็อกบี้ได้อย่างไร เป็นเรื่องของกรรมาธิการ"

ตอนที่อยู่ไม่โมฆะ เพราะมีการลงนาม เรื่องนี้ทางกองทัพเรือจะแถลง จะมีการล็อบบี้ได้อย่างไรเป็นเรื่องของกรรมาธิการฯ

พล.อ.ประวิตร ตอบคำถามในเชิงของการให้ข้อสังเกตว่า "บิ๊ก ป.ปลา จะล็อบบี้ได้อย่างไร เป็นเรื่องของกรรมาธิการฯ พร้อมระบุว่าข้อมูลทั้งหมด เรื่องงบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำ กองทัพเรือจะเป็นฝ่ายชี้แจง นอกจากนี้ยังตั้งคำถามว่า สัญญาจะเป็นโมฆะได้อย่างไร ยังคงมีอยู่หลังส.ส.พรรคเพื่อไทย อ้างว่ากระบวนการไม่โปร่งใส อาจเป็นโมฆะได้

ไม่มีคำตอบนายพล.ป.ล็อบบี้ผ่านงบเรือดำน้ำ

ในขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ (24 ส.ค.) การประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯ งบประมาณปี 2564 นายสุพล ก็ขอให้นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ชี้แจงข้อมูลในการแถลงข่าวที่พรรคเพื่อไทย กรณีความไม่ชอบมาพากลในการพิจารณาเห็นชอบงบฯ ของกองทัพเรือในชั้นอนุกรรมาธิการฯนี้

และแม้นายสุพล จะยอมรับว่า รู้สึกอึดอัดใจกับการพิจารณารับรองให้กองทัพเรือจัดซื้อเรือดำน้ำ แต่ก็ยืนยันว่ากระบวนการพิจารณาเป็นไปตามข้อบังคับการประชุม และเป็นไปตามสิทธิ์ของอนุกรรมาธิการฯ แต่ละคน ที่จะรับฟังและลงมติเห็นชอบ จึงไม่ต้องการให้นายยุทธพงศ์ นำไปกล่าวอ้างเป็นประเด็นการเมือง

ประเด็นที่ไปให้สัมภาษณ์ว่านายพล.ป.โทรมาหาผมใน เอาที่ไหนมาพูด

นายสุพล ถามนายยุทธพงศ์ว่า ที่บอกว่าที่ประชุม กมธ.งบฯ ระบุว่ามีมติ วันที่ 17 ส.ค.ยืนยันไม่มีมติใดๆหรือจะให้ฝ่ายเลขานำบันทึกมาให้ดู

ทำให้นายยุทธพงศ์ โต้ตอบทันทีว่า เรื่องบางเรื่องยอมไม่ได้ และขอให้เอาชวเลข และเอาการบันทึกเคสวันที่ 17 ส.ค.มาเปิดเผย เนื่องจากมองว่าถ้าไม่มีการคัดค้านอาจจถือเป็นมติหรือไม่

ในฐานะที่เป็นกมธ.งบฯ ขอเทป ชวเลข นำมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่าวันนั้นใครพูดอะไรบ้าง และนำมาเปิดผยเป็นรายบุคคลว่าใครรักชาติ รักแผ่นดิน รักประชาชนหรือใครเรือดำน้ำจีน ผมพร้อมสู้ ผมยอมตาย

ถกเถียงกันอยู่สักพักหนึ่ง สรุปว่าประเด็นคือ อนุฯ ประชุมกันเมื่อวันที่ 17 ส.ค.เรื่องงบประมาณซื้อเรือดำน้ำแล้ว แต่แขวนไว้ เพื่อให้กองทัพเรือนำเอ็มโอยู มาชี้แจงกรณีเป็นโครงการผูกพันอะไร อย่างไร เพิ่มเติม และวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ประชุมพิจารณากันอีกครั้ง แต่นายยุทธพงศ์ เชื่อว่า มีคนมาสั่ง แต่นายสุพล อ้างว่าถูกบิดเบือน

ขอเปิดเผยข้อมูลในวงประชุม 17 ส.ค.

ขณะที่นายยุทธพงศ์ ระบุว่า เรื่องแรกขอให้นายสุพล อนุญาตว่าให้นำเอาเคส ชวเลข เพราะเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละคน ผมจะขอและจะให้เปิดเป็นบุคคล ขอให้จบ เป็นเรื่องว่ามีการล็อบบี้หรือไม่ล็อบบี้ ประธานพูดว่าอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องเรือดำน้ำ

นายสุพล กล่าวว่า เรื่องดังกล่าว อนุกมธ.งบฯ มีความเป็นห่วงเรื่องนี้ ห่วงว่าจะถูกนำไปโยงการเมือง ปั่นกระแสการเมือง ทุกคนให้ความเห็นว่ากองทัพเรือเลื่อนได้หรือไม่ แต่กองทัพเรือ มีเหตุผลว่าเลื่อนไม่ได้ เพราะเป็นงบผูกพันปี 63 และเกรงว่าจะกระทบความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ และกระทบต่องบประมาณ ถ้าช้าไปจะแพงขึ้น และงบปี 63 เขาคืนให้รัฐบาลแก้ปัญหา COVID-19 เมื่อฟังแล้วเป็นอำนาจของอนุกมธ.ที่จะจัดสินใจ

สรุปว่าไม่ได้มีการเปิดเผยถึง บิ๊กป.ปลา ที่โทรศัพท์มาสั่งการ-วิ่งเต้นให้อนุกมธ.ลงมติเห็นชอบงบฯ ซื้อเรือดำน้ำ และนายยุทธพงศ์ อ้างอีกว่า ข้อมูลที่นำมาเปิดเผย มีเพื่อนส.ส.บอกมา ส่วนนายสุพล ระบุว่า ก่อนใช้อำนาจชี้ขาด เป็น 5 ต่อ 4 เห็นชอบผ่านงบประมาณของกองทัพเรือ มีการรับโทรศัพท์จากคนในพรรค และเป็นการพูดคุยกัน