วันนี้ (17 พ.ย.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทโมเดอร์นา ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนชีวภาพและเวชภัณฑ์ในสหรัฐอเมริกา โดยเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่พัฒนาวัคซีน COVID-19 และอยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิกในขั้นสุดท้าย เปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกัน COVID-19 ได้ถึงร้อยละ 94.5 ทำให้โมเดอร์นากลายเป็นผู้พัฒนาวัคซีนรายที่ 2 ในสหรัฐฯ ต่อจากบริษัทไฟเซอร์ที่ประกาศความคืบหน้าผลการทดสอบวัคซีนที่เร็วเกินคาด
นับเป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญของการพัฒนาวัคซีน COVID-19 ซึ่งทำให้ขณะนี้สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีวัคซีนถึง 2 ตัวที่รอการอนุมัติ เพื่อใช้กรณีฉุกเฉินในเดือน ธ.ค.นี้ และคาดว่าภายในสิ้นปี 2563 สหรัฐฯ จะมีวัคซีนที่พร้อมใช้ถึง 60 ล้านโดส ขณะที่ในปี 2564 รัฐบาลสหรัฐฯ จะเข้าถึงวัคซีนมากกว่า 1 พันล้านโดสจากผู้ผลิตทั้ง 2 บริษัท
วัคซีน COVID-19 ทั้งของบริษัทไฟเซอร์และบริษัทโมเดอร์นา ต่างใช้เทคโนโลยีใหม่ในการพัฒนาวัคซีน หรือที่รู้จักกันในชื่อ Mesenger RNA หรือ mRNA ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพชนิดใหม่ในการต่อสู้กับการระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 54 ล้านคนและเสียชีวิต 1.3 ล้านคน
ทั้งนี้ วัคซีนของบริษัทโมเดอร์นามีข้อได้เปรียบวัคซีนของบริษัทไฟเฟอร์ ตรงที่ไม่จำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ในอุณภูมิที่เย็นจัดแบบติดลบ ทำให้ง่ายต่อการแจกจ่ายวัคซีน โดยสามารถเก็บไว้ในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ได้นานถึง 30 วัน และเก็บได้นานถึง 6 เดือนในอุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส ขณะที่วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิติดลบระหว่าง 70-80 องศาเซลเซียส
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวดี! สหรัฐฯ ทดลองเฟส 3 พบวัคซีนป้องกัน COVID-19 ได้ 90%
จับตา! 11 วัคซีน COVID-19 ทั่วโลก ได้ใช้เร็วสุดกลางปี 2564
"บราซิล" ระงับการทดสอบวัคซีน COVID-19 จากจีน