เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2564 นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ตามที่มีการประกาศข้อกำหนด ข้อปฏิบัติ และมาตรการป้องกันโรค แนบท้ายคำสั่ง ศบค. ที่ 7/2464 ลงวันที่ 29 มิ.ย.2564 สำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นจังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว หรือนโยบาย "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์"
ผู้เดินทางเข้าประเทศภายใต้นโยบายภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และขั้นตอนการออกหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย (Certificate of Entry : COE) ต้องมีคุณสมบัติดังนี้
1. เป็นผู้มีสัญชาติไทย หรือชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศ/พื้นที่เป้าหมายเป็นเวลาอย่างน้อย 21 วัน โดยรายชื่อประเทศ/พื้นที่เป้าหมาย สำหรับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มีทั้งสิ้น 66 ประเทศ
2. มีหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งสามารถลงทะเบียนขอรับ COE จากสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ทั่วโลก ผ่านเว็บไซต์ coethailand.mfa.go.th
3. มีผลตรวจหาเชื้อ COVID-19 โดยวิธี RT-PCR ระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
4. ต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน COVID-19 ยืนยันการฉีดวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายของไทย หรือได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก หรือตามที่สาธารณสุขกำหนด ครบโดสแล้วอย่างน้อย 14 วันก่อนการเดินทาง สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18ปีที่ไม่อยู่ในเกณฑ์การได้รับวัคซีน และเดินทางมาพร้อมกับผู้ปกครอง ให้แสดงใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าไม่มีเชื้อ COVID-19 โดยวิธี RT-PCR ระยะเวลาไม่เกิน 72ชั่วโมง
5. มีหลักฐานการชำระค่าที่พักและค่าตรวจหาเชื้อโรคโดยวิธี RT-PCR โดยระบุเวลาการเข้าพักไม่น้อยกว่า 14 วัน กับโรงแรมหรือสถานที่พักที่จองผ่านระบบมาตรฐาน SHA+ ที่ขึ้นทะเบียนตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกำหนด หรือจองที่พัก https://entrythailand.go.th/
หากเดินทางเข้าประเทศด้วยบัตรโดยสารเที่ยวเดียว หรือมีบัตรโดยสารที่ไม่ระบุวันเดินทางกลับ จะต้องแสดงเอกสารยืนยันการชำระค่าที่พักไม่น้อยกว่า 14 คืน หรือในกรณีที่ต้องการพำนักใน จ.ภูเก็ต ไม่ถึง 14 วัน จะต้องมีบัตรโดยสารเที่ยวบินขาออก และเมื่อครบกำหนดพำนักจะต้องเดินทางออกจากประเทศไทย
6. มีกรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล หรือหลักประกันกรณีติดเชื้อ COVID-19 ในวงเงินไม่น้อยกว่า 100,000ดอลลาร์
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ปรับปรุงระบบลงทะเบียน COE ออนไลน์สำหรับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และสั่งการให้สถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ของไทยทั่วโลก เปิดระบบลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อตรวจเอกสารล่วงหน้า
นักท่องเที่ยวลงทะเบียน "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" กว่า 4,000 คน
ส่วนผู้เดินทางเข้าภายใต้ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" จะต้องลงทะเบียนเพื่อขอรับ COE ล่วงหน้าไม่เกิน 30 วันก่อนวันเดินทางเข้าประเทศไทย โดยมีขั้นตอนเช่นเดียวกับการขอ COE สำหรับผู้เดินทางที่เข้ารับการกักกันใน ASQ/ALQ ตามปกติ
ล่าสุดมีผู้ลงทะเบียนประมาณ 4,100 คน โดยกรมควบคุมโรคทำหน้าที่ตรวจเอกสารยืนยันการฉีดวัคซีน (Certificate of Vaccination) ปัจจุบันตรวจอนุมัติไปแล้วกว่า 500 คน และตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ทั่วโลก ได้พิจารณาออก COE สำหรับนักท่องเที่ยวโปรแกรมภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แล้ว 43 คน และทยอยเร่งออก COE ให้อย่างต่อเนื่อง
โดยมีข้อกำหนดเพิ่มเติมให้ผู้ลงทะเบียนขอ COE ต้องแสดงหลักฐานการชำระค่าตรวจโควิดกับโรงแรม/ที่พัก เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่ยื่นเอกสารอื่นๆ ครบแล้ว และมีกำหนดเดินทางถึงไทยในวันที่ 1 ก.ค.2564 และทาง ททท.จะจัดให้มีการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ที่ จ.ภูเก็ต ตามระยะเวลาที่พำนัก จึงสามารถยกเว้นเอกสารค่าตรวจ COVID-19
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศบค.วางเงื่อนไข "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" เปิดรับนักท่องเที่ยว
วิทยุการบินฯ พร้อมบริการ "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" คาดเที่ยวบินเพิ่ม 6%
เปิดเกณฑ์ 4 แหล่งเที่ยวรับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เที่ยวได้แต่ "จำกัดคน"