วันนี้ (7 ก.ค.2564) พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. รายงานสถานการณ์ COVID-19 ว่า ผู้ติดเชื้อทั่วโลกติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 185 ล้านคน เสียชีวิตสะสม 4 ล้านคน หายป่วยแล้ว 170 ล้านคน โดยสหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด รองมาเป็นอินเดีย และบราซิล ส่วนไทยอยู่ที่อันดับ 64
ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย พบผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง คือ อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ปากีสถาน ญี่ปุ่น และบังคลาเทศ
ขณะที่ไทยวันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,058 คน หายป่วยเพิ่ม 4,978 คน เสียชีวิต 75 คน ขณะนี้มีผู้ป่วยรักษาอยู่ใน รพ. 35,640 คน อาการหนัก 2,564 คน ใส่เครื่องช่วยหายใจ 698 คน
ผู้เสียชีวิต 75 คน อยู่ใน กทม. 38 คน, สมุทรปราการ 9 คน, นราธิวาส ปทุมธานี จังหวัดละ 4 คน ,นครปฐม ยะลา จังหวัดละ 3 คน
ชัยภูมิ สงขลา อุทัยธานี จังหวัดละ 2 คน, ฉะเชิงเทรา สระบุรี นครราชสีมา บุรีรัมย์ ปัตตานี สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี และพระนครศรีอยุธยา จังหวัดละ 1 คน
สำหรับค่ากลางอายุ 63 ปี (33-94 ปี) ในจำนวนนี้มี 27 คน หรือ 36% ที่เสียชีวิตภายใน 6 วันหลังจากรู้ผลติดเชื้อ และมีผู้เสียชีวิตที่บ้าน 5 คน ตรวจพบเชื้อโควิดภายหลังเสียชีวิต
ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศ 10 อันดับแรก กทม. พบติดเชื้อ 2,212 คน, สมุทรปราการ 565 คน, สมุทรสาคร 517 คน, ชลบุรี 290 คน, ปทุมธานี 229 คน, สงขลา 213 คน, นนทบุรี 180 คน, ปัตตานี 175 คน, ประจวบคีรีขันธ์ 150 คน และยะลา 146 คน
ศบค.เพิ่มจุดตรวจโควิด
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงกรณีที่มีการแชร์ภาพรอคิวตรวจหาเชื้อ COVID-19 บนสื่อสังคมออนไลน์ ศบค.จะเร่งเพิ่มจัดจุดตรวจให้มากขึ้น โดยวันนี้มีที่สนามธูปะเตมีย์ และหัวหมาก และเพิ่มจุดตรวจของกองทุนประกันสังคม ม.33 ที่อาคารกีฬาเวสน์ ดินแดง ในวันที่ 9 ก.ค.
นอกจากนี้ยังมีอีก 6 จุดตรวจประจำตามกลุ่มเขตของ กทม. และเพิ่มแล็บเอกชน ที่ผ่านมาตรฐานกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
กทม.เร่งรัดจัด Home Isolation
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า กทม. รายงานการบริหารจัดการเตียง ระบุจะเร่งรัดจัด Home Isolation หรือ การแยกกักที่บ้าน ดำเนินการโดยศูนย์บริการสาธารณสุขของ กทม. 69 แห่ง ร่วมกับคลินิกอบอุ่น 201 แห่ง มีสำนักงานอนามัยเป็นผู้รับผิดชอบ โดยจะเข้าระบบอย่างจริงจังภายใน 1-2 วันนี้ นอกจากนี้จะเร่งรัดศูนย์พักคอยภายในชุมชนด้วย
สำหรับการแยกกักที่บ้าน (Home Isolation) และการแยกกักในชุมชน (Community isolation) จะใช้กับผู้ป่วยระดับสีขาวและสีเขียวอ่อนเท่านั้น หากผู้ป่วยระดับสีเขียวเข้มจะต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลสนาม
ส่วนการฉีดวัคซีนขณะนี้ต้องเน้นที่แคมป์คนงาน ซึ่ง ศปก.ศบค. จะประสานขอรับการขอสนับสนุนวัคซีนเพิ่มเติมให้ กทม.และปริมณฑล โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ตอบรับแล้วว่าจะจัดสรรวัคซีนให้ เพื่อเร่งลดการแพร่ระบาด
ทั้งนี้จะเพิ่มขีดความสามารถในจุดฉีดวัคซีนให้แต่ละจุดฉีดวัคซีนให้หมดเร็วที่สุด
หลังจากมีการเดินทางข้ามจังหวัดของผู้ป่วยเชื้อโควิด พบว่าขณะนี้ทุกจังหวัดทั่วประเทศมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด โดยตรวจพบเชื้อโควิดในจังหวัดภาคเหนือ 12 จังหวัด ภาคกลางและตะวันออก 17 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด และภาคใต้ 5 จังหวัด
สธ.เสนอปรับมาตรการเข้ม-จำกัดการเดินทาง
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข เสนอปรับมาตรการทางสังคมและมาตรทางสาธารณสุขให้เข้มข้นมากขึ้นกับที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ โดยจะจำกัดการเดินทางออกนอกพื้นที่ ห้ามเคลื่อนย้ายระหว่างจังหวัด จะตั้งจุดตรวจเพื่อลดการเคลื่อนย้าย ปรับมาตรการ Work From Home ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้สูงสุด
พร้อมกำหนดให้ประชาชนให้ความร่วมมือในการเปิด-ปิดกิจการ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านข้าวต้ม ตลาด ซึ่งจะมีการหารือเรื่องการกำหนดเวลาปิดกิจการ เพื่อลดเวลาเดินทางออกนอกบ้านของประชาชน ให้อยู่บ้าน ลดความเสี่ยง พร้อมจะปรับเวลาการให้บริการขนส่งสาธารณะให้สอดคล้องกับมาตรการที่กระทรวงสาธารสุขเสนอ ทั้งนี้ ข้อเสนอดังกล่าวจะนำเสนอต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 9 ก.ค.นี้
ส่วนกรณีมีการแชร์ข้อมูลว่าจะล็อกดาวน์ 14 วัน โดยเริ่มวันศุกร์นี้จริงหรือไม่ พญ.อภิสมัย กล่าวว่า มีเพียงข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขในการปรับมาตรการให้เข้มข้นขึ้นเท่านั้น ยังไม่มีประกาศเรื่องดังกล่าว
ตอนนี้ยังไม่มีการล็อกดาวน์ มีเพียงข้อเสนอในการปรับมาตรการเท่านั้น ยังไม่มีข้อสรุป ซึ่งต้องรอผลการประชุมวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ ศบค.ยังแนะนำให้ประชาชนยกเว้นการเดินทางข้ามจังหวัดหรือกลับภูมิลำเนาโดยไม่จำเป็น เพื่อลดความเหนื่อยล้าที่เกิดกับร่างกายผู้ป่วย และลดการแพร่กระจายเชื้อให้แก่ผู้อื่น เพราะยอดผู้ติดเชื้อยังมีเพิ่มมากขึ้นตลอด 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชง ศบค. "ล็อกดาวน์" 6 จังหวัด 7 วัน คุมโควิด กทม.-ปริมณฑล