"พิจารณ์"เปิดคลิปสอบสัมภาษณ์นร.เตรียมทหารคัดคนเห็นต่าง

วันนี้ (2 ก.ย.2564) เมื่อเวลา 14.25 น. นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุคนทำงานเยอะผิดพลาดได้ แต่ที่น่ากลัวคือ ถ้าทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิด และไม่นำไปสู่การแก้ไขปรับปรุง ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี นอกจากถามสื่อ และถามพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่า ผมผิดอะไร 

ผมผิดอะไร อยากฝากไปยังนายกฯ ถ้าไม่แน่ใจให้ไปกับ ส.ส.พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่พบพี่น้องประชาชน และจะได้รับรู้ว่าทำผิดอะไร 

นายพิจารณ์ อภิปรายว่า นายกรัฐมนตรีใช้ความมั่นคงกับโควิด ด้วยการตั้งหน่วยงานที่ชื่อว่า ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) แม้จะปรับโครงสร้าง แต่ศปม.ยังอยู่ยาวนาน มีผบ.ทบ.เป็นหัวหน้า และมีบก.ศปม.,ศปม.ทบ., ศปม.ทร., ศปม.ทอ.,ศปม.ตร. มีอัตรากำลัง 109,981 อัตรา ซึ่งเห็นจำนวนแล้วตกใจว่าใช้คนเยอะมาก ไม่มั่นใจว่าจะนำมาใช้ทำงานในสถานการณ์โควิด ทำจริงหรือไม่

การตั้งแบบนี้จะได้โอกาสอายุราชการแบบทวีคูณ เป็นไปตาม พ.ร.บ.บำหน็จบำนาญข้าราชการ แน่นอนถ้ายิ่งต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ยาวนานเท่าไหร่ จนเรียกว่าโครงการสบายหลังเกษียณของเหล่านายทหาร 109,981 นาย

 

นายพิจารณ์กล่าวว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จะลุกมาตอบโต้ว่า ที่ผ่านไม่มี มติครม.เรื่องต่ออายุราชการแบบทวีคูณให้ แต่ที่ผ่านมาวิธีที่นำมาใช้ มักจะจบศึกแล้วตบรางวัล สิ้นสุดสถานการณ์แล้วค่อยมี มติครม.ตามมาภายหลัง นี่เป็นหนึ่งในข้อที่ว่า เกื้อหนุนกองทัพค้ำจุนอำนาจโดยใช้ภาษีประชาชน

นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่า อำนาจของศปม.มีหน้าที่ปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบ ทั้งที่ควรจะทำเรื่อง COVID-19 ซึ่งที่พบว่า ทำจริง คือตั้งจุดสกัดขนย้ายผู้ป่วย แต่กลับพบว่าในหนังสือสั่งการว่า หากสถานการณ์อาจจะจัดกำลังในถึงกองร้อยควบคุมฝูงชน และที่ผ่านมาศปม.ออกคำสั่ง ห้ามชุมนุมออกทุกเดือน จึงสงสัยว่าตั้ง ศปม.มาเพื่อควบคุมการแพร่โควิด หรือจะปิดปากประชาชน

อ่านข่าวเพิ่ม “มิ่งขวัญ” ตั้งฉายารัฐบาลแอปฯ เป๋าตัง ใช้เงินไม่เป็น-จัดการวัคซีนเหลว

ของบทำเตียงสนาม 100 ล้านยังทำไม่ครบหมื่น 

นายพิจารณ์ อภิปรายว่า การใช้งบของศปม. โดยพบว่า งบกลางปี 63 ได้รับงบ 327 ล้านบาท และสำหรับทร.ตั้งรพ.สนาม ศปม. 259 ล้านบาท จำนวนนี้เป็น รพ.สนาม ทร.113 ล้านบาท ส่วนงบกลางปี 64 ได้รับ 387 ล้านบาท ศปม.206 ล้านบาท แบ่งเป็นสกัดกั้นชายแดน 79 ล้านบาท และรพ.สนาม 100 ล้านบาท และเมื่อ 13 ก.ค.64 ได้รับงบ 392.77 ล้านบาทสำหรับศปม.ตร.

ทั้งนี้ ส.ส.พรรคก้าวไกล ระบุว่า ที่ผ่านมากระทรวงกลาโหม ได้งบกว่า 200,000 แสนล้านต่อปี ถ้าเบิกจ่ายจริงถึง 97 % ยังเหลืองบอีกมาก แต่มาของบแค่ 206 ล้านบาท สำหรับแก้ปัญหาโควิด

เมื่อตรวจสอบพบว่า หลักใหญ่ตอบแทนกำลังพล ค่าน้ำมัน ซึ่งข้อมูลของกรมบัญชีกลาง มีข้อตกลงว่ามีเบิกจ่ายให้กับตำรวจเบิกได้ 60 บาทไม่เกิน 7 ชม.ต่อวันหรือ 420 บาท ทำให้สงสัยว่ามีการเบิกจ่ายจริงหรือไม่

กระทั่งพบมีเอกสารฉบับหนึ่ง เรื่องเบิกงบให้ตำรวจที่ตั้งจุดตรวจ พบว่า ในวันทำการได้ 200 บาท แต่วันเสาร์-อาทิตย์ได้ 420 บาท ซึ่งไม่ตรงกับที่กรมบัญชีกลางกำหนดไว้ แล้วส่วนต่างไปไหน ไม่รู้ว่า ตร.ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ศปม.จะมีชะตากรรมเดียวกับไอโอ ของทหารจะโดนอมตังค์ อมค่าตอบแทนอีกหรือไม่ ถ้ามีขอให้พี่น้องตร.-ทหารส่งข้อมูลมาให้

ตั้งศปม.เป็น ATM เบิกเบี้ยเลี้ยง

นายพิจารณ์ อภิปรายว่า ถ้าวิเคราะห์ ศปม.อาจไม่ได้ตั้งใจมา เพื่อควบคุมโควิดโดยตรง แต่ตั้งขึ้นมาเป็นเครื่องมือของฝ่ายมั่นคงใช้เป็นบัตร ATM ให้ดำเนินการกิจกรรม ตั้งเพื่อเบิกเบี้ยเลี้ยงเบิกจ่ายงบให้กำลังคน ซึ่งเราไม่รู้เลยว่าทำงานได้ผลมากแค่ไหน แต่พอจะหาเอกสารก็จะอ้างว่า “ลับ”

ทั้งนี้ที่ผ่านมากระทรวงกลาโหม เบิกงบสกัดกั้นแนวชายแดน 79 ล้านบาท พบว่าเป็นการของบหลังปล่อยให้มีการลักลอบแรงงานข้ามชาติ จนทำให้โควิดระบาดระลอก 2 ส่วนการของบตั้งเตียงสนาม 100 ล้านบาท ก็ไม่ได้มีความชัดเจนว่าจะทำเตียงสนามมากน้อยแค่ไหน และพยายามเปรียบเทียบว่า ถ้าของบ 100 ล้านบาท ก็น่าจะทำเตียงสนามได้ถึง 7,000 เตียง

ซึ่งจากการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 12 เม.ย.โฆษกกลาโหม เคยบอกว่า มีความพร้อมทำเตียง 5,000 เตียง โดยเป็นรพ.สนาม 3,000 เตียง และถ้าลองคำนวณคร่าวๆ ได้งบ 100 ล้านบาทสำหรับ 7,000 เตียง ควรจะมีเตียงสนามถึง 10,000 เตียง แต่ผ่านมา 4 เดือนแล้ว โฆษกกองทัพบกเพิ่งให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ว่ามีเตียงสนาม 6,790 เตียง ทั้งที่มีผู้ป่วยหลัก 21,800 คนต่อวัน

ถ้ากองทัพทำได้กว่านี้จะผ่อนหนักเป็นเบา เพราะถ้าเราอยูในสถานการณ์รบ กองทัพที่ได้รับเป็นหมื่นล้านบาท ถ้าสู้รบแล้วบาดเจ็บ กองทัพต้องมีศักยภาพในการดูแลรักษาชีวิตกำลังพล แต่ในสภาวะที่สู้กับสงครามเชื้อโรคตอนน้ 10000 เตียงไม่รู้อยู้ที่ไหน ยังไปไม่ถึง

ใช้อากาศยานไม่คุ้มขนคนป่วยโควิดกลับบ้าน 

นอกจากนี้นายพิจารณ์ อภิปรายว่า สิ่งที่ไม่ควรทำ แต่กลับหาทำ เช่นนำเครื่องบิน MI-17 และเครื่องบินลำเลียง C295 ไปขนผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวกลับและไม่มีอาการกลับภูมิลำเนา เพราะถ้ามีอาการเจอแรงกดอากาศจะมีผลต่อการทำงานของปอดได้ ถือเป็นการสิ้นเปลืองงบแค่กทม.-สุโขทัย ใช้งบบินไป-กลับ ใช้เป็นแสนบาทต่อเที่ยว ดังนั้นมองว่าเป็นการพีอาร์และสร้างความนิยมให้กับกองทัพเท่านั้น

นายกฯใช้ความมั่นคงนำทุกสิ่ง แม้ในสถานการณ์โควิด ก็ยังใช้เป็นช่องทางของบมาอุ้มชู เกื้อหนุน กองทัพแทนที่จะช่วยเหลือประชาชนได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยถ้านำมาทำเตียงสนาม และ ATK หรือไม่ ThaiLand Amry Only

อ่านข่าวเพิ่ม "จิราพร" ประกาศกลางสภาจ่อยื่นป.ป.ช.สอบซื้อซิโนแวคแพง

เปิดคลิปกองทัพ คัดคนเห็นต่าง 

นายพิจารณ์ อภิปรายอีกว่า ขณะนี้ตัวเลขผู้สมัครเรียนเตรียมทหารลดลง สะท้อนความไม่เชื่อมั่นในกองทัพ จากปี 56 ตัวเลข 76,012 คน ลดลง 60 % แต่ปีนี้เหลือ 30,836 คน ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายกับภาพลักษณ์กองทัพ จากเคสทหารกราดยิงที่โคราช ซึ่งปมมาจากการเอาเปรียบจากผู้บังคับบัญชา และเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ รู้แต่ไม่แก้ไข หรือแม้แต่การจัดซื้ออาวุธ กางเกงในยันเรือดำน้ำ และมีนักเรียนเตรียมทหารเสียชีวิต ผ่านมา 4 ปียังหาคนผิดไม่ได้

ส่วนกรณีตำรวจอดีตผู้กำกับโจ้ เกี่ยวกับการทุจริตที่ต้องสาวให้ถึงว่าใครอยู่ในเครือข่ายที่คอยอุปถัมภ์อุ้มชู ซึ่งคลิปต้นเรื่องที่เกิดกระแสกดดันจนต้องรีบออกหมายจับ มาดำเนินการสอบสวนทันที ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะที่กำกับตำรวจ ยังไม่มีการปฏิรูปตำรวจ กองทัพ

คนที่อยู่ในกองทัพมาตลอดชีวิตจะไม่รู้เรื่องการทุจริต และไม่รู้ถึงความเดือดร้อน ทุจริตเบี้ยเลี้ยงทหารเกณฑ์ สนามกอล์ฟ สนามมวย และธุรกิจขุดน้ำมันที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเปิดเผยรายได้ แจกจ่ายผลประโยชน์ ซึ่งบุคคลที่ทำให้ภาพลักษณ์ทหารแย่ลงคือ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะสิ่งที่กำลังทำไม่ใช่สร้างกองทัพให้ทันสมัย มืออาชีพ และเมล็ดพันธุ์ที่โตมาแล้วซื่อสัตย์

แต่เป็นกองทัพที่สยบยอมต่ออำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ และเครือข่าย และยึดโยงกับระบบปรสิตที่สร้างขึ้น และต้องการนายทหารที่ยึดโยงกับขั้วอำนาจของตน และให้กำลังพลที่สั่งซ้ายหัน ขวาหันได้

ชุดคำถามคัดคนเห็นแตก-คัดแอลจีบีทีออก

นายพิจารณ์ ยังนำเอกสารที่ระบุว่าเป็นการแทรกซึม การสอบสัมภาษณ์นักเรียนนายทหาร พบว่ามีการนำทหารและตำรวจจากหน่วยงานอื่นมาเป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์ในทุกเหล่าทัพด้วย

การนำหน่วยงาน Local CAT จำนวน 50 นาย และ จิตอาสา 904 จำนวน 25 นาย เข้ามาให้แนวทางการสอบสัมภาษณ์บุคคลเข้าเป็นนักเรียนเตรียมนายร้อยตำรวจ แทน ผบ.ตร. และยังเข้ามาเป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์

นอกจากนี้ นายพิจารณ์ ได้นำคลิปคำถามที่สัมภาษณ์ทหารก็ต่างจากปีก่อนๆ ซึ่งเวลาถามว่าทำไมถึงอยากมาเป็นทหาร ตำรวจ อยากอยู่หน่วยไหน เข้าใจบทบาทอย่างไร แต่ตั้งข้อสังเกตคำถามเรื่องประเมินความจงรักภักดี และคณะกรรมการสอบสัมภาษณ์จะประเมินสอบสัมภาษณ์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้คะแนนได้อย่างไร เช่น มีการถามม็อบ 3 นิ้ว การเมืองและความเห็นการบริหารงานของนายกฯ 

มีการการตั้งคำถามในเรื่องการบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ และม็อบ 3 นิ้ว อีกทั้งยังกีดกันบุคคลที่เป็นแอลจีบีที หรือคนที่มีทัศนคติที่เป็นบวกเกี่ยวกับบุคคลดังกล่าว ออกจากระบบ และยังมีการล็อกสเปก และท้ายสุดจะได้กองทัพที่เหยียดเพศหรือไม่ 

ล็อกสเปก ปมจัดซื้ออากาศยาน 

นอกจากนี้ ยังมีการล็อกสเปกยุทโธปกรณ์โครงการซื้อเครื่องบินใช้งานทั่วไป เป็นเครื่องบินลำเลียง ทำให้พบส่วนต่างหายไปถึง 100 ล้านบาท มีการเปลี่ยนโครงการซื้อเป็นซ่อมบำรุง จากการซื้อรถยนต์บรรทุก ขนาด 2.5 ตัน 169 คัน 921 ล้านบาท เป็นโครงการซ่อมบำรุง M35 2.5 ตัน และ UNIMOG 1.25 ตัน ทั้งที่มีอายุ 40-50 ปี ใช้งบซ่อม M35 จำนวน 259 คัน 518 ล้านบาท

โดยใช้เครื่องยนต์ KM250 ที่ผลิตในเกาหลีใต้ ที่กำลังจะหยุดการผลิตและพบว่ามีค่าส่วนต่างคันละ 4 แสนบาท ส่วนค่าซ่อม UNIMOG อีก 2 ล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้าเคยซื้อจากอินเดียคันละ 2.2 ล้านบาท

เมื่อไปดูทีโออาร์ พบว่ามีล็อกสเปก ให้คนขายอะไหล่มาซ่อม ถือเป็นเรื่องผิดระเบียบของกองทัพบก ที่ห้ามมีค่าซ่อมเกินกว่า 65% ของราคา และยังผิดในด้านนโยบาย จึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ มาชี้แจง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

อลวน! "วิสาร" อ้างนายกฯ แจกเงิน ส.ส. 5 ล้านกลางสภาฯ