วันนี้ (17 ธ.ค.2564) สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า อังกฤษรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ 88,376 คน สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเผชิญการระบาด โดยทำลายสถิติเดิมและเพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าประมาณ 10,000 คน
หน่วยงานด้านการแพทย์ของอังกฤษ เปิดเผยว่า ระบบสาธารณสุขกำลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดครั้งนี้ ซึ่งทำให้มีบุคลากรล้มป่วยหรือต้องกักตัวด้วย และแม้สายพันธุ์โอมิครอนจะไม่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงมากเท่าเดิม แต่จำนวนผู้ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งการฉีดวัคซีนจะช่วยลดระยะเวลาการรักษาตัวในโรงพยาบาล หรือลดโอกาสที่ผู้ติดเชื้อจะป่วยหนักจนต้องเข้าห้องไอซียูได้
ขณะที่ตัวเลขทางการของผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล ด้วยไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนในอังกฤษ มีจำนวน 15 คน แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่าตัวเลขจริงสูงกว่านี้มาก
ด้านคณะทำงานพิเศษเพื่อการรับมือกับไวรัสของอังกฤษ เปิดเผยว่า อังกฤษมีความพร้อมและจะมียาต้านไวรัสโควิด-19 ใช้รักษาผู้ป่วยไปตลอดฤดูหนาว หรือตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงปลายเดือน มี.ค.2565
คลังยาดังกล่าว ประกอบด้วย ยาโมลนูพิราเวียร์ของบริษัทเมอร์ค ซึ่งอังกฤษอนุมัติเป็นประเทศแรกในโลกไปเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมสั่งซื้อแล้ว 500,000 โดส กับยาแพกซ์โลวิดของไฟเซอร์ ที่ยังรอการอนุมัติ
G7 ชี้ "โอมิครอน" เป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ที่สุด
ด้านกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ชาติ หรือกลุ่ม G7 ขนานนามการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ว่า เป็นภัยคุกคามด้านสาธารณสุขครั้งใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งยิ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของการร่วมมือกัน เฝ้าระวังและแบ่งปันข้อมูลซึ่งกันและกันระหว่างชาติต่างๆ
ขณะที่บรรดารัฐมนตรีสาธารณสุขของกลุ่ม G7 ได้ตกลงกันร่วมมือยกระดับการเข้าถึงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น และตรวจหาเชื้อโควิด-19 รวมถึงการวิเคราะห์ลำดับพันธุกรรมของไวรัสในระดับโลก เพื่อรับมือกับไวรัสตัวนี้ให้ได้โดยเร็ว
อ่านข่าวอื่นๆ
"ฝรั่งเศส" จำกัดการเดินทางเข้า-ออกอังกฤษ
"โอมิครอน" ผสม "เดลตา" น่ากังวลแค่ไหน?
"อังกฤษ" ขีดเส้นตายฉีดวัคซีนเข็ม 3 กู้วิกฤตโอมิครอนในประเทศ