วันนี้ (6 ก.พ.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจสืบสวนภูธรภาค 7 พร้อมด้วย ตำรวจภูธรกระทุ่มแบน นำหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาครและหมายค้น เพื่อติดตามจับกุมตัวนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาคร ในข้อหาร่วมกันเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี โดยเจ้าหน้าที่แบ่งกำลังเข้าตรวจสอบ 2 จุด คือ บ้านพักของนายษิทรา ในหมู่บ้าน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งจากการตรวจค้นไม่พบตัว นายษิทราพบเพียงภรรยาอยู่ที่บ้านพัก
ส่วนอีกจุดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในสำนักงานกฎหมายษิทรา เบี้ยบังเกิด ถนนเศรษฐกิจ ในพื้นที่ อ.กระทุ่มแบนเช่นกัน จากการตรวจสอบพบเพียงคนสนิทของทนายษิทราและแม่บ้าน ที่ดูแลสำนักงานเป็นผู้รับหมายและนำค้นโดยไม่พบตัวทนายษิทราแต่อย่างใด
ขณะที่รถยนต์ BMW ที่จอดอยู่หน้าสำนักงานกฎหมายฯ นั้น คนสนิทของนายษิทรา อ้างว่ามาจอดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ไม่ทราบว่าทนายษิทราอยู่ที่ไหน ก่อนที่จะให้คนสนิทเซ็นต์รับทราบปฏิบัติการหลังตรวจค้นและเดินทางกลับ
ต่อมานายษิทราได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาโดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ก่อนยื่นหลักทรัพย์เป็นเงิน 100,000 บาท เพื่อประกันตัว
นายษิทรา เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบนไม่รับมอบตัว โดยอ้างว่ายังไม่เห็นหมายจับแต่พอตอนเช้ากลับนำหมายจับพร้อมกำลังตำรวจไปตรวจค้นที่สำนักงานและบ้านพัก เพื่อต้องการให้เห็นว่าถูกตำรวจควบคุมทั้งที่ตัวเองไม่ได้มีเจตนาหลบหนี ดังนั้นจึงขอแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับรองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน ฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 157 กรณีไม่ยอมรับมอบตัว
สำหรับคดีนี้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ร้องทุกข์กล่าวหานายษิทรา และ ร.ต.อ.ทวีป หรือ พชรวรรษ สุขชู ในข้อหาร่วมกันเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี กรณีที่ทั้ง 2 คนเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีของนายธีรวัฒน์ บุญรอด จำเลยในคดียาเสพติด ที่ถูกจับกุมโดยมีการกล่าวหาว่า ทั้ง 2 คน ร่วมกันนำสืบและแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ทำให้นายธีรวัฒน์ได้รับโทษน้อยลง ซึ่งคดีนี้ถือเป็นคดีที่ 2 ในรอบสัปดาห์นี้ ที่มีศาลได้ออกหมายจับนายษิทราไว้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตร.คุมตัว "ทนายษิทรา" ข้อหาแสดงหลักฐานเท็จในคดียาเสพติด