วันนี้ (19 ม.ค.2564) หลังพบกลุ่มอดีตผู้ต้องขังและแรงงานไทยที่กลับจากมาเลเซีย ที่เดินทางกลับเข้าไทยผ่านด่านพรมแดน อ.เบตง จ.ยะลา เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ติดเชื้อ COVID-19 จำนวน 11 คน จากจำนวนผู้เดินทางกลับทั้งหมด 34 คน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มมาตรการคัดกรอง
โดยกลุ่มอดีตผู้ต้องขัง และแรงงานไทยในศูนย์กักกลุ่มนี้ อยู่ในศูนย์กักตัวที่ อ.เบตง พบติดเชื้อ 3 คน ศูนย์กักตัวที่ จ.สงขลา ติดเชื้อ 4 คน ศูนย์กักตัว จ.ปัตตานี 1 คน ศูนย์กักตัว จ.สตูล 1 คน เเละในศูนย์กักตัวที่ อ.รามัน จ.ยะลา อีก 2 คน
การติดเชื้อในกลุ่มนักโทษเเละผู้ที่ถูกกักตัวในศูนย์กักของมาเลเซียครั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการติดเชื้อในเรือนจำ เเละศูนย์กัก ทำให้วันพรุ่งนี้ (20 ม.ค.) ที่จะมีกลุ่มนักโทษเข้ามาอีก 11 คน เจ้าหน้าที่ต้องคัดกรองอย่างเข้มงวด และจัดการรับส่งอย่างระมัดระวัง
นายสุริยา บุญพันธ์ ปลัดอาวุโสอำเภอเบตง ยอมรับว่า ขณะนี้ใน อ.เบตง สามารถรองรับการดูแลผู้ป่วย COVID-19 ได้ 6 เตียง ซึ่งปัจจุบันมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาแล้ว 3 คน หากกลุ่มนักโทษที่เข้ามาใหม่ติดเชื้อเพิ่มขึ้นก็อาจจำเป็นต้องส่งต่อไปรักษาต่อในโรงพยาบาลใกล้เคียง
เข้มงวดชายแดน สกัดลอบเข้าเมือง
ทหารกองร้อยป้องกันชายแดนที่ 4 ลาดตะเวนเดินเท้าไปถึงประตูแดง ซึ่งเป็นประตูเชื่อมเขตแดนไทย-มาเลเซียใน อ.เบตง เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย เพราะแม้ว่าด่านพรมแดน อ.เบตง จะมีรั้วชายแดนที่เป็นแนวคอนกรีต รั้วลวดหนามแบบเดี่ยวและรั้วลวดหนามแบบคู่ แต่แนวรั้วมีระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตร จากแนวชายแดนใน อ.เบตง ที่มีระยะทางประมาณ 86 กิโลเมตร ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องจัดวางกำลังทั้งกองกำลังเดินเท้าในเส้นทางตามแนวชายแดน จัดวางกองกำลังประจำการในพื้นที่ 24 ชั่วโมงในจุดที่อยู่ใกล้หมู่บ้าน จัดตั้งด่านตรวจในเส้นทางหลักที่อยู่ติดชายแดน และจัดชุดจรยุทธลาดตะเวนด้วยรถจักรยานยนต์เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย