นายกฯตั้ง 5 คณะทำงานผลักดัน-ติดตามภาคการส่งออกของไทย

เศรษฐกิจ
3 ก.ค. 55
13:09
7
Logo Thai PBS
นายกฯตั้ง 5 คณะทำงานผลักดัน-ติดตามภาคการส่งออกของไทย

นายกฯตั้ง 5 คณะทำงานติดตามภาคการส่งออก หลังประชุมทูตพาณิชย์ 65 ประเทศ ขณะเดียวกันวันนี้ ( 3 ก.ค.) ที่ประชุม ครม.ไม่อนุมัติตามที่การทางพิเศษเสนอให้แปลงหนี้เงินยืมรัฐบาลของการทางพิเศษศรีรัชเป็นทุน พร้อมให้ชำระเงินคืน 9,800 ล้านในปี 2565

นายภักดีหาญ์ หิมะทองคำ รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมทูตพาณิชย์กว่า 65 แห่งทั่วโลกโดยมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในการแก้ไขปัญหาการส่งออกในวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ภาคการส่งออกกำลังเผชิญความท้าทายจากปัจจัยภายนอก และ ภายในประเทศ จึงมอบนโยบายในการส่งออก โดยในระยะเร่งด่วนโดยกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมือวิกฤตเศรษฐกิจทั้งทางตรงทางอ้อมจากวิกฤตยูโรโซน

ส่วนในระยะยาวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจหารือร่วมกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่องและหาตลาดส่องออกใหม่โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน การจัดหาวัตถุดิบ จากโครงสร้างทางภาษีที่เป็นศูนย์ โดยสรุปปัญหาได้ 6 ประเด็นคือ 1.การขาดสภาพคล่องทางการเงินภายหลังประสบปัญหาน้ำท่วม 2.การขาดแคลนแรงงาน 3.การขาดแคลนวัตถุดิบ 4.การวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในการส่งออก 5.การเชื่อมโยงการขนส่ง และ 6.การพัฒนาระบบโลจิสติกส์

โดยมีการตั้งคณะทำงาน 5 ชุด เพื่อติดตามและแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีคณะทำงานแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางด้านการค้าและกฎระเบียบด้านภาษี คณะกรรมการติดตามสถานการณ์และขับเคลื่อนการส่งออกไปสหภาพยุโรป คณะกรรมการแก้ไขและผลักดันติดตามส่งออกไปยังตลาดศักยภาพอื่น ๆ คณะทำงานส่งเสริมการสร้างฐานการผลิตในประเทศเพื่อนบ้านและการค้าชายแดน คณะทำงานแก้ไขปัญหาและผลักดันการส่งออกรายสินค้า อาทิ สินค้าเกษตร อัญมณี สิ่งทอ และ อาหาร โดยให้จัดการประชุมอย่างต่อเนื่องและดำเนินการใหแล้วเสร็จภายในเดือนปี 2555 นี้ 

นอกจากนี้นายภักดีหาญส์ ยังระบุถึงมติ ครม.โดยไม่อนุมัติตามที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ กทพ. กระทรวงคมนาคม เสนอให้แปลงหนี้เงินยืมรัฐบาลของการทางพิเศษศรีรัชเป็นทุน ซึ่งจากการหารือของสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) สำนักงบประมาณ และ สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ข้อสรุปว่า เห็นชอบให้ทางการพิเศษชำระเงินคืนจำนวน 9,800 ล้านบาทเศษ ซึ่งเงินต้นอยู่ที่ 9,300 ล้านบาทเศษ และ ดอกเบี้ยอีก 400 ล้านบาทเศษ ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ กทพ.ชำระหนี้คืนแก่รัฐบาลตั้งแต่ พ.ศ.2565 เป็นต้นไป โดยให้ทาง กทพ.หารือในรายละเอียด และ เงื่อนไขกับกระทรวงการคลังต่อไป

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง