อุตฯสั่งปิด 2 โรงงานใน จ.ฉะเชิงเทรา 30 วัน หลังต้องสงสัยลักลอบทิ้งกากสารเคมี 
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการลักลอบนำน้ำเสียปนเปื้อนสารเคมีและกากอุตสาหกรรมไปปล่อยทิ้งในบ่อลูกรังกว่า 100 ไร่ บริเวณบ้านหนองปรือ หมู่ที่ 9 ตำบลเกาะขนุน และ ตำบลหนองแหน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา จนถูกเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยึดรถบรรทุกสารเคมีต้องสงสัยได้ 1 คัน เมื่อ 2 วันก่อน
ล่าสุดเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าตรวจสอบโรงงานรับบำบัดกากอุตสาหกรรม 2 แห่ง ในตำบลหนองแหน อำเภอพนมสารคาม ส่วนอีกแห่งอยู่ในตำบลหัวสำโรง ตำบลแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา พบว่า โรงงานทั้งสองแห่งเปิดเป็นบริษัทรับบำบัดแต่ไม่สามารถบำบัดกากอุตสาหกรรมตามที่กำหนดได้ และ เข้าข่ายต้องสงสัยลักลอบนำกากอุตสาหกรรมไปปล่อยทิ้ง กรมโรงงานอุตสาหกรรรมจึงสั่งหยุดประกอบกิจการ 30 วัน
ขณะเดียวกันกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และแบบการเก็บสถิติและข้อมูลการจัดทำบันทึกรายละเอียด และ รายงานสรุปผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสีย พ.ศ. 2555
โดยมีสาระสำคัญให้เจ้าของ หรือ ผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษต้องเก็บข้อมูลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียทุกวันและสรุปผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นทุกเดือนหากไม่ดำเนินการมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ และหากพบการรายงานข้อมูลเท็จมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 ส.ค.นี้
โดยกฎกระทรวงฉบับนี้อาศัยความในมาตรา 80 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 มาเป็นกฎหมายอ้างอิงเพื่อให้สอดคล้องกับการบังคับใช้กฎกระทรวงฉบับใหม่ ซึ่งสาระสำคัญของมาตรา 80 ระบุว่า เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษ ซึ่งมีระบบบำบัดมลพิษมีหน้าที่ต้องเก็บสถิติและข้อมูลซึ่งแสดงผลการทำงานของระบบหรืออุปกรณ์ในแต่ละวัน และ จัดทำบันทึกรายละเอียดเป็นหลักฐานและจะต้องจัดทำรายงานสรุปผลการทำงานของระบบ หรือ อุปกรณ์และเครื่องมือ เสนอต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง