สถานการณ์ไฟป่าในหลายพื้นที่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ วิกตอเรีย และ เซาท์ออสเตรเลีย ยังคงรุนแรง เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยา เตือนอุณหภูมิที่อาจเพิ่มสูงขึ้นถึง 40 องศาเซลเซียส และกระแสลมแรงต่อเนื่องไปจนถึงสุดสัปดาห์นี้ ขณะที่เริ่มมีการสั่งปิดสนามบินท้องถิ่นแล้ว
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา ประกาศภาวะภัยพิบัติ ในรัฐวิกตอเรีย โดยในแจ้งวันพรุ่งนี้ (4 ม.ค.) ประเทศออสเตรเลียจะเผชิญกับกระแสลมแรงและสภาพอากาศคลื่นความร้อนระดับรุนแรง โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูง 40 – 45 องศาเซลเซียส ทำให้สถานการณ์ไฟป่ารุนแรงสุดสูง
เดินทางเข้าสู่เมือง Kimba ชมผลงานศิลปะบนยุ้งฉาง Silo Art แวะเที่ยวก้อนหินโบราณขนาดยักษ์ Turtle Rock ปีนยอดเขา Mount Wudinna และ Pildappa Rock แล้วไปลุยเส้นทางท้าทายของ Gawler Ranges National Park ตามหา Organ Pipes แท่งเสาหินบะซอลต์ จากการระเบิดของภูเขาไฟ เมื่อเกือบ 1,500 ล้านปีก่อน
ชมความงามของ "ทะเลสาบสี่สี" แวะทักทาย White kangaroo จิงโจ้สีขาวพันธุ์หายาก ที่ Border Town Wildlife Park จากนั้นไปสำรวจ Bumbanga Lake ที่มีความเชื่อว่าเป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตลี้ลับใต้ทะเลสาบ ลักษณะคล้ายงูยักษ์ ซึ่งเชื่อมโยงกับสัตว์น้ำในตำนานของประเทศต่าง ๆ
ไปศึกษากลไกของ Ballard Lock แห่งเมืองซีแอทเทิล ประตูน้ำที่ใช้ควบคุมการไหลและระดับของแม่น้ำ ชมสะพานอเนกประสงค์ที่สามารถยกขึ้น เพื่อให้เรือกลขนาดใหญ่แล่นผ่านได้ แล้วเข้าเมือง Mildura เที่ยว Sunraysia ชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ก่อนจะฝ่าพายุทรายที่ทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นสีส้ม !!!
ไปชม Salt Flat จากทะเลสาบเกลือที่เหือดแห้งในพื้นที่แล้งจัด แวะชิม Quandong อาหารป่าของชาวอะบอริจินในชื่อ Bush Tucker เที่ยวต่อที่สวนพฤกษชาติ พบพันธุ์ไม้ผสมในเขตแล้ง-เขตชายฝั่ง และพืชท้องถิ่น เช่น Grey Saltbush ไม้พุ่มทนดินเค็ม-น้ำทะเล Sturt’s Desert Pea ดอกไม้ประจำรัฐ South Australia และ Tiliqua Rugosa จิ้งเหลนสองหัว
สำรวจอุทยานแห่งชาติ Innes ชมซากเรือโบราณที่ Ethel Beach แวะทักทาย Silver Gull สายพันธุ์นกนางนวลที่พบมากที่สุดในออสเตรเลีย และ Blue-Eyed Cockatoo ที่ใกล้สูญพันธุ์ แล้วเลี้ยวรถกลับเข้าเมือง Port Augusta เรียนรู้ปัญหาของชาวอะบอริจิน เกี่ยวกับการติดแอลกอฮอล์และบุหรี่ จนทำให้ต้องออกมาใช้ชีวิตเป็นคนไร้บ้าน
นั่งรถรางเทียมม้าสองชั้นสายเก่าแก่ที่ Victor Harbor ไปยัง Granite Island ถิ่นที่อยู่ของ Fairy Penguin สายพันธุ์หายากที่พบได้ตามแนวชายฝั่งทางใต้ของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เริ่มภารกิจตามติดชีวิตเพนกวินนางฟ้าในตอนดึก ก่อนเดินทางขึ้นเหนือกลับเมือง Adelaide อีกครั้ง เพื่อไปตามนัดกับเพื่อนที่เคยรู้จักกันในออสเตรเลีย
เดินป่าชม Yacca (Grass Tree) พืชเฉพาะถิ่นของรัฐ South Australia แล้วไปส่อง Fur Seal หรือ แมวน้ำขน ที่โพรงถ้ำ Admirals Arch จากนั้นข้ามน่านน้ำไปยัง Sea Lion Cave ถ้ำทะเลที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา บ้านของ "สิงโตทะเลสเตลเลอร์" เดินทางสู่เขตอนุรักษ์ Seal Bay ไปทำความรู้จักวิถีชีวิตของ "แมวน้ำช้าง" ยักษ์ใหญ่แห่งทะเล บนชายฝั่งรัฐแคลิฟอร์เนีย
ข้ามฟากไปเที่ยวบน “Kangaroo Island” เกาะที่ใหญ่เป็นอันดับสามของออสเตรเลีย ทักทายสัตว์ป่าหลากชนิด ทั้ง "หงส์ดำ" หงส์ชนิดเดียวในโลกที่มีสีดำสนิท "นกพิลิแกน" เจ้าบ้านแห่งทะเลสาบพิลิแกน "ห่านเคปบาร์เรน" หนึ่งในห่านที่หายากที่สุดในโลก "โคอะลา" กับบ้านยูคาลิปตัส และ "จิงโจ้" สายพันธุ์เกาะจิงโจ้ เจ้าของฉายา "จิงโจ้ที่สงบเสงี่ยมที่สุดในออสเตรเลีย"
ผจญภัยในโซนใหม่บนคาบสมุทรทางตอนใต้ของรัฐ South Australia ขับรถลุยไปบน Yanerbie Sand Dune ศึกษากันชนธรรมชาติ Coastal Dune ลุยต่อบน Whalers Way ชม Theakestone’s Crevasse ที่ลึกลงใต้ดินราว 30 เมตร จากนั้นเข้าเมือง Adelaide กับเหตุระทึกเมื่อรถคู่ใจเกิดเสีย และอาการป่วยที่ไม่คาดคิด จนถึงขั้นเข้าแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลในออสเตรเลีย
เที่ยวอุทยานแห่งชาติ Ikara-Flinders Ranges ชมแนวเทือกเขา Flinders Ranges ที่ใหญ่ที่สุดในรัฐ South Australia แวะทักทายนกพื้นเมือง นกอีมูและนกแคสโซวารี พร้อมศึกษาภาพเขียนโบราณของชาวอะบอริจินเกี่ยวกับมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ จากนั้นข้ามทวีปไปสำรวจบ้านโพรงถ้ำของมนุษย์นีแอนเดอทัลและโครมันยองของศตวรรษที่ 21 ในฝรั่งเศส
ข้ามแดนสู่รัฐ South Australia ผ่าน Dingo Fence แนวรั้วกั้นหมาป่าดิงโกที่ยาวกว่าครึ่งทวีปออสเตรเลียและยาวที่สุดในโลก แล้วเข้าเมือง Coober Pedy เจ้าของฉายา “เมืองหลวงโอปอลของโลก” จากนั้นขับรถตะลุยบนทางลูกรัง Oodnadatta Track แวะสำรวจ Wabma Kadarbu บ่อน้ำเนินดินกลางทะเลทราย และ Ghan ทางรถไฟสายกัน อดีตเส้นทางการค้าของชาวอะบอริจิน
เที่ยว Kings Canyon ผาสีแดงหน้าตัด ทักทาย "ม้าป่าออสเตรเลีย" และม้าท้องถิ่นในอีกหลายประเทศ เช่น Icelandic Horse ม้าสายพันธุ์แท้ดั้งเดิมของไอซ์แลนด์ และ Camargue Horse ม้าในภูมิภาคทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส เรียนรู้เรื่องราวของ “Guardian” กลุ่มคาวบอยผู้ดูแลฝูงม้าและวัวดำคามาร์ก ซึ่งถูกเลี้ยงไว้เพื่อการแข่งวัวในสนามกีฬาโบราณแห่งเมือง Arles
ไปลุยเส้นทางผจญภัย Larapinta Drive ในอุทยานแห่งชาติ West MacDonnell บนระยะทาง 223 กม. มุ่งสู่อุทยานแห่งชาติ Watarrka ทักทายหมาป่าดิงโกในระยะใกล้ ซึ่งพบได้เฉพาะในออสเตรเลีย พร้อมศึกษาสายพันธุ์หมาป่าเก่าแก่ Tasmanian Wolf และ New Guinea Singing Dog ที่มีเสียงหอนเหมือนกำลังร้องเพลง รวมถึง Wolfdog ลูกครึ่งหมาบ้านกับหมาป่า
เดินทางสู่ Central Australia ภูมิภาคใจกลางประเทศที่เต็มไปด้วยเขาหินและทุ่งทรายสีแดง สำรวจความหลากหลายของพืชพรรณและสัตว์ป่าท้องถิ่นที่ Alice Springs Desert Park จากนั้นไปร่วมส่องสัตว์ที่ใช้ชีวิตในเวลากลางคืนอย่าง Nocturnal และ Marsupial สัตว์มีกระเป๋าหน้าท้อง ซึ่งบางชนิดใกล้สูญพันธุ์และพบได้ในตอนกลางของประเทศออสเตรเลียเท่านั้น
ไปสำรวจโลกใต้น้ำในบ่อน้ำพุร้อนของเขตอุทยานแห่งชาติเอลเซย์ แล้วขับรถลงใต้เข้าเมือง Larrimah ชมอดีต North Australia Railway เจ้าของฉายา The line to nowhere จากนั้นเข้าสู่ Karlu Karlu / Devils Marbles Conservation Reserve ชมความลับทางวิทยาศาสตร์อันน่ามหัศจรรย์ของหินกลมขนาดยักษ์ ที่ชาวอะบอริจินถือเป็นสถานที่ทางศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
ชม X-ray figure ศิลปะของชาวอะบอริจินทางดินแดนตอนเหนือ แล้วย้อนความทรงจำไปชม "นิทรรศการศิลปะมัลติมีเดียบนผนังถ้ำหินปูน" ที่หมู่บ้าน Les Baux-de-Provence และเทศกาลประดับไฟ Biarritz ที่ฝรั่งเศส จากนั้นเดินทางสู่ภูมิภาคตอนกลางของรัฐ ไขปริศนาจอมปลวกใส่เสื้อ ท่ามกลางป่าจอมปลวกอันกว้างใหญ่ที่พบระหว่างทาง