"หมอนิธิพัฒน์" แนะสถานการณ์ COVID-19 ยังไม่นิ่งพอ ห่วงรัฐรีบคลายล็อกเร็ว แต่ขาดมาตรการบังคับใช้ และเข้มงวด ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะกลับมาบานปลาย ซ้ำรอยการคลายล็อกช่วงเดือนพ.ค. ส่งผลเกินขีดการรองรับบุคลากรด่านหน้าที่กรำงานมาทั้งปี
วันนี้ (27 ส.ค.2564) รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก นิธิพัฒน์ เจียรกุล ระบุว่า แม้ว่าจะถูกกลบไปด้วยข่าวการทดสอบถุงคลุมหัวที่ดินแดนปากน้ำโพ แต่เชื่อว่าวันนี้สายตาทุกคู่คงจับจ้องไปที่การประชุมศบค.ชุดใหญ่ว่าจะไปอย่างไรกันต่อ
นี่แค่ยังไม่ถึงวันจริง ก็เริ่มมีข่าวจากฝ่ายนโยบายสายพิราบ ที่ออกมากระดี๊กระด๊าว่าจะผ่อนคลายโน่นนี่โดยให้เหตุผลว่ากราฟแสดงตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งประเทศเริ่มลดลงต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว ทั้งที่ยังเป็นตัวเลขที่เกินขีดความสามารถตามศักยภาพของภาคการแพทย์ที่ควรจะเป็นอยู่อีกหลายเท่าตัว
แนะย้อนดู 2 เดือนก่อนหลังคลายล็อก
ทั้งนี้หมอนิธิพัฒน์ ยังระบุว่า เย็นไว้โยม หากย้อนไปดูประวัติศาสตร์ครั้งออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 23 เพื่อผ่อนคลายในช่วงปลายเดือนพ.ค.แน่นอนพวกสายเหยี่ยวตอนนั้นส่งเสียงค้าน แต่มันคงไปไม่ถึงผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ
ผ่านไป 2 เดือนเศษสถานการณ์บานปลายเหมือนมะเร็งระยะลุกลาม จนต้องออกพ.ร.ก.ในเวลาไล่เลี่ยกันถึงอีก 5 ฉบับกว่าจะเริ่มล็อกคอ COVID-19 ให้พอนิ่งหายพยศลงได้บ้าง อย่าลืมว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าจะผ่อนคลายเร็วหรือช้า เพราะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่มันสำคัญตรงฝ่ายมีหน้าที่บังคับใช้ พ.ร.ก.จะใส่ใจทำให้มาตรการสวยหรูที่ประกาศออกมาเป็นจริงเป็นจังได้หรือไม่
ไม่เช่นนั้นภาระหนักอึ้ง คงไม่พ้นบ่าของบุคลากรด่านหน้าทุกสาขาอาชีพ ที่กรำศึกกันมาต่อเนื่องยาวนาน รวมถึงการ ชี้ชะตาระบบสาธารณสุขในการดูแลรักษาผู้ป่วยอื่น ซึ่งไม่ใช่ COVID-19 ที่นับวันจะหดแคบด้านคุณภาพลงไปมากเข้าทุกที
เราคงต้องทนอยู่กับ COVID-19 แบบนี้กันไปอีกนาน หรือเราอยากจะอยู่กันแบบใจตุ๊มๆ ต่อมๆ เพื่อรอลุ้นตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ ผู้ป่วยอาการรุนแรง ผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจ และผู้ป่วยเสียชีวิตที่มีคนมารายงานให้ฟังรายวัน
อ่านข่าวเพิ่ม ผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่ม 18,702 คน กลับบ้าน 20,163 คน กำลังรักษา 185,200 คน
เปิดภาพความจริงผู้หายป่วยโควิดชีวิตเปลี่ยน
มีอีกตัวเลขหนึ่งที่ยังไม่เคยสำรวจกันจริงจังและยังไม่ค่อยพูดถึงกันนัก คือกลุ่มผู้ป่วยที่รอดกลับมาแต่ไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตทั้งทางร่างกายและทางจิตใจเหมือนดังเดิมได้
ผู้ว่าปู อาจเป็นตัวอย่างของรายที่โชคดี แต่ก็ยังไม่ดีพอที่จะไปตรากตรำงานหนักที่สมุทรสาคร ผู้ป่วยชายอายุ 62 ปีในรูปเอกซเรย์ชุดแรก ต้องเรียกว่าโกงตายหนักกว่าพ่อเมืองสาครหลายเท่า ที่ปอดฟื้นกลับมาได้หลังใช้เครื่องหัวใจและปอดเทียม (เอ็คโม) นานกว่า 2 เดือน
แต่ยังต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนที่จะฟื้นฟูกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งคงจะไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้ทั้งหมด ผิดกับผู้ป่วยอีกรายในเอกซเรย์ชุดที่ 2 ที่เนื้อปอดถูกทำลายไปมากในเวลาไม่กี่สัปดาห์แล้วถูกแทนที่ด้วยพังผืดอย่างหนาแน่นพอกับเนื้อปอดส่วนดีที่ยังเหลืออยู่
ถึงแม้จะรอดชีวิตมาได้ แต่ก็อาจจะถึงขั้นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจต่อไปเป็นการถาวร ในครั้งที่จะเพิ่มมาตรการ ฝ่ายนโยบายใช้คำว่าพื้นที่ควบคุมสูงสุดอย่างเข้มงวด ดังนั้นในโอกาสภายหน้าที่จะผ่อนคลายมาตรการ
ผมอยากได้ยินเช่นเดียวกันว่า ผ่อนคลายทีละน้อยอย่างเข้มงวด พร้อมกำหนดกติกาตัวชี้วัดที่ชัดเจนให้สังคมรับทราบและร่วมกันติดตามผล
และหากไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ คำขอโทษพร้อมข้อเสนอแนวทางแก้ไขใหม่อย่างทันท่วงที เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่น่าจะยอมรับและให้อภัยได้ ดีกว่าการดื้อรั้นเอาสีข้างเข้าถู ยื้อจนระฆังหมดยกแบบรอไปตาย (กันหมด) เอาดาบหน้า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
กอ.รมน.ตรวจค้น รพ.สนามย่านบางพลี หลังพบผู้ป่วยฝืนกฎ-มั่วสุม