"จิสด้า" เผยน้ำท่วม 4 ลุ่มน้ำหลักลุ่มน้ำน่าน ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำป่าสัก และลุ่มน้ำบางปะกง สูงถึง 844,799 ไร่ พบนาข้าวจมน้ำ 266,024 ไร่ กรมชลฯ เร่งระบายน้ำเตรียมรับฝนจากพายุระลอกใหม่เดือนก.ย.นี้ ขณะที่เกาะเกร็ด เตรียมรับมือทะเลหนุน 8-14 ก.ย.นี้
วันนี้ (30 ส.ค.2565) นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกัน 48,432 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 64 ของความจุอ่าง ยังสามารถรับน้ำได้อีก 27,657 ล้าน ลบ.ม.
เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกัน 13,258 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 53% ของความจุอ่าง สามารถรับน้ำได้อีก 11,613 ล้านลบ.ม.
นอกจากนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีฝนตกสะสมต่อเนื่อง กรมชลประทาน ได้พิจารณาปรับลดเพิ่มการระบายน้ำให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง เร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับปริมาณน้ำจากทางตอนบนที่จะไหลลงมาอีกในระยะต่อไป
กำชับให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฝนในช่วงเดือนก.ย.นี้ ามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาที่ระบุว่า บริเวณประเทศไทยตอนบน จะมีปริมาณฝนรวมสูงกว่าค่าปกติ
"จิสด้า" เผยน้ำท่วม 4 ลุ่มน้ำหลัก 844,799 ไร่
เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2565 สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTD) เผยข้อมูลจากดาวเทียม Sentinel-1 พบน้ำท่วมในพื้นที่ 4 ลุ่มน้ำหลักของประเทศ ได้แก่ ลุ่มน้ำน่าน ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำป่าสัก และลุ่มน้ำบางปะกง สูงถึง 844,799 ไร่ ประกอบด้วย จ.สุโขทัย 189,337 ไร่ พิจิตร 156,222 ไร่ นครสวรรค์ 122,233 ไร่ พิษณุโลก 91,382 ไร่
อุตรดิตถ์ 88,633 ไร่ สุพรรณบุรี 70,033 ไร่ เพชรบูรณ์ 41,035 ไร่ ปราจีนบุรี 23,641 ไร่ ชัยนาท 17,721 ไร่ อ่างทอง 9,344 ไร่ พระนครศรีอยุธยา 9,269 ไร่ พะเยา 7,662 ไร่ แพร่ 5,767 ไร่ นครนายก 5,763 ไร่ น่าน 2,738 ไร่ ลพบุรี 2,353 ไร่ ฉะเชิงเทรา 1,508 ไร่ และสระบุรี 167 ไร่
ขณะที่ข้อมูลจากดาวเทียมยังพบว่าพื้นที่ปลูกข้าว ได้รับผลกระทบแล้วกว่า 266,024 ไร่ บ้านเรือนประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 1,700 หลังคาเรือน
อ่านข่าวเพิ่ม เตรียมรับมวลน้ำใหม่ ก.ย.นี้ กรมชลฯ ปรับระบายน้ำเขื่อนป่าสักฯ เพิ่มวันนี้
"เกาะเกร็ด"เตรียมรับน้ำทะเลหนุนสูง
ชาวบ้านที่อยู่ติดริมแม่น้ำ ในต.เกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ทยอยเก็บทรัพย์สินขึ้นที่สูง หลังระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มหนุนสูง ขึ้นตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยน้ำจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 16.00-19.00 น. จากนั้นจะหยุดนิ่งจนถึงช่วงเช้ามืดน้ำจึงเริ่มลดลง
ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่ อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมแม่น้ำนอกแนวคันกั้นน้ำ แนวเขื่อนชั่วคราวบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือแนวฟันหลอ
โดยเจ้าหน้าที่เตือนพื้นที่จุดเสี่ยง ที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ขอให้ระมัดระวัง โดยเฉพาะช่วงเวลาน้ำทะเลหนุนสูงสุดที่จะเกิดขึ้นอีกครั้ง ระหว่างวันที่ 8-14 ก.ย. และวันที่ 24 -26 ก.ย.นี้
พื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาได้รับผลกระทบน้ำท่วม
เช่นเดียวกับชาวบ้านที่อยู่ติดกับแม่น้ำน้อยใน อ.เสนา อ.ผักไห่ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา หลายคนต้องประสบปัญหากับน้ำท่วมที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังฝนตกลงอย่างหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา บางจุดระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร
นายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสาธารณสุขจังหวัด ได้เตือนประชาชนให้ระมัดระวังเกี่ยวกับโรคเท้าเปื่อย และโรคที่มากับน้ำรวมทั้งสัตว์มีพิษในช่วงนี้
ส่วนที่จังหวัดอ่างทอง น้ำจากแม่น้ำน้อยซึ่งเพิ่มระดับสูงอย่างรวดเร็ว ได้เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรหมู่ที่ 3 ตำบลบางจัก อำเภอวิเศษชัยชาญ และขยายวงกว้างเรื่อยๆ โดยเฉพาะบ้านเรือนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำน้อยนอกแนวคันกั้นน้ำถูกน้ำท่วมไปแล้วกว่า 50 หลัง บางจุดสูงกว่า 50-60 เซนติเมตร
ชาวบ้านต้องเร่งขนย้ายสิ่งของไว้ที่สูง และต้องเร่งทำสะพานไม้เพื่อที่จะเดินทางเข้าบ้าน เป็นการเตรียมพร้อมระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับบ้านสามเรือน หมู่ที่ 9 ต.บางจัก ซึ่งถูกน้ำท่วมไปก่อนหน้านี้ระดับน้ำเริ่มเพิ่มสูงและขยายวงกว้างเช่นดียวกัน
ขณะที่สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังคงเพิ่มสูงต่อเนื่อง หลังเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เพิ่มการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อน ล่าสุดอยู่ที่ 1,643 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที ส่งผลให้พื้นที่ลุ่มต่ำนอกแนวคันกั้นน้ำ ในต.โผงเผง อ.ป่าโมก และต.บางจัก อ.วิเศษชัยชาญ มีน้ำท้วมกว่า 100 หลังคาเรือน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดาวเทียมจับภาพจังหวัดในภาคอีสาน ท่วมขังกว่า 1.3 แสนไร่
ปิดชั่วคราว 5 น้ำตกดังเขาใหญ่ เตือน 6 จว.ภาคกลางรับน้ำระลอกใหม่
เเร่งอุดแนวฟันหลอเจ้าพระยาอีก 3% เคลียร์น้ำเหนือรับพายุ ก.ย.นี้